จับตา ประชุมสภาฯวันนี้ แก้กฎหมาย 'ปลดล็อกวัยรุ่น 25+' นั่งนายกท้องถิ่น

17 ก.ย. 2568 | 19:23 น.

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ 18 ก.ย. 68 มีวาระร้อนในการเสนอแก้กฎหมายท้องถิ่น 3 ฉบับ เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ลงสมัครรับเลือกตั้งนั่ง นายกอบจ.-นายกอบต. และนายกเทศมนตรี

KEY

POINTS

  • สภาผู้แทนราษฎรมีวาระพิจารณาแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น 3 ฉบับ เพื่อลดคุณสมบัติอายุขั้นต่ำของผู้สมัครนายก อบจ., อบต. และเทศมนตรี จาก 35 ปี เหลือ 25 ปี
  • ข้อเสนอแก้ไขยังรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกท้องถิ่น จากเดิมที่กำหนดให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 วาระ
  • ประเด็นการแก้ไขกฎหมายนี้มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย โดยมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่กังวลเรื่องประสบการณ์และปัญหาการผูกขาดอำนาจ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568 จะมีวาระในการพิจารณาวาระค้างที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น 3 ฉบับ

ซึ่งมีสาระสำคัญในการปลดล็อกคุณสมบัติอายุและวาระการดำรงตำแหน่งของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และนายกเทศมนตรี การแก้ไขครั้งนี้มีผู้เสนอถึง 2 เวอร์ชั่น ซึ่งต่างมีประเด็นที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิด

สาระสำคัญของการแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่

  1. ร่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
  2. ร่าง พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
  3. ร่าง พ.ร.บ. เทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

โดยทั้ง 3 ฉบับ มี ประเด็นหลัก 2 ข้อ ที่เสนอให้แก้ไข คือ 

1. ลดอายุผู้สมัคร : ปรับลดคุณสมบัติอายุขั้นต่ำของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ., นายก อบต. และนายกเทศมนตรี เหลือไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งจากกฎหมายเดิมกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 35 ปี

2. ยกเลิกจำกัดวาระ : ยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกทั้ง 3 องค์กรท้องถิ่น จากเดิมที่กำหนดให้ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่จะติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

เหตุผลเบื้องหลังการแก้ไข

คณะผู้เสนอให้เหตุผลว่า ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ซึ่งต้องการทักษะและแนวคิดใหม่ๆ ในการบริหารจัดการ การเปิดโอกาสให้ "คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ" อายุ 25 ปีขึ้นไป ได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งจำเป็น

นอกจากนี้ การยกเลิกข้อจำกัดวาระจะช่วยให้ผู้นำท้องถิ่นมีโอกาสทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สามารถวางแผนพัฒนาท้องถิ่นทั้งระยะสั้น กลาง และยาวได้อย่างเต็มที่ นำมาซึ่งความมั่นคงในการดำเนินนโยบาย และสะท้อนถึงเจตนารมณ์ในการยกระดับธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของประชาชน

สองเวอร์ชั่นกฎหมายบนโต๊ะสภา การประชุมสภาฯ ครั้งนี้ จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายถึง 2 เวอร์ชั่น

โดยร่างแรกนำเสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และคณะ สส. รวม 20 ราย ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งอยู่ในวาระที่ 6 เรื่องที่เสนอใหม่ นำเสนอโดย นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.พรรคชาติไทยพัฒนา และคณะ สส. รวม 20 ราย ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกัน

ผลการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พบว่า

การลดอายุผู้สมัครเหลือ 25 ปี

  • ฝ่ายที่เห็นด้วย มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ทันสมัยและสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารท้องถิ่นได้ดีขึ้น ทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด.
  • ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าคนอายุ 25 ปี ยังขาดประสบการณ์ วุฒิภาวะ การควบคุมอารมณ์ และความน่าเชื่อถือในการบริหารงานที่ซับซ้อนของท้องถิ่น.

การไม่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง

  • ฝ่ายที่เห็นด้วย เชื่อว่าหากผู้บริหารดี ประชาชนจะเลือกเข้ามาอีก การพัฒนาท้องถิ่นจะได้มีความต่อเนื่องมากขึ้น.
  • ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แสดงความกังวลว่าการดำรงตำแหน่งนานเกินไปจะนำไปสู่การผูกขาดอำนาจ การสร้างอิทธิพล การทุจริตคอร์รัปชัน ระบบอุปถัมภ์ และการสืบทอดอำนาจ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารงานขาดความโปร่งใสและไม่ตอบสนองต่อประชาชนอย่างแท้จริง.

บทสรุปผู้บริหารจากคณะกรรมการขับเคลื่อนการรับฟังความคิดเห็น

ตั้งข้อสังเกตว่า การกำหนดอายุผู้สมัครและวาระการดำรงตำแหน่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีทั้งประโยชน์และผลกระทบตามมา และกฎหมายท้องถิ่นปัจจุบันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาท้องถิ่น จึงควรวิเคราะห์ปัญหาที่แท้จริงของการบริหารงานท้องถิ่น

นอกจากนี้ กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยยังมีปัญหาเรื่องหน้าที่และอำนาจที่กว้างขวางและซ้ำซ้อน ซึ่งต่างจากต่างประเทศที่มีการแบ่งภารกิจชัดเจน ทำให้เกิดปัญหาในการตีความและบังคับใช้กฎหมาย

ดังนั้นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568 จึงเป็นการจับตาถึงทิศทางของการปกครองส่วนท้องถิ่นของไทย ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอย่างไร และร่างกฎหมายใดจะผ่านการพิจารณา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือการสร้างปัญหาใหม่ๆ ให้กับท้องถิ่นต่อไป