‘นายกฯ’ คาดนำรายชื่อ ครม. อนุทิน1 ทูลเกล้าฯได้ในสัปดาห์นี้

15 ก.ย. 2568 | 06:20 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2568 | 06:26 น.

'นายกฯอนุทิน' เผยนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯได้ในสัปดาห์นี้ ชี้นโยบายเร่งด่วนมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และวางรากฐานต่อยอดในระยะยาว

KEY

POINTS

  • นายกรัฐมนตรีคาดว่าจะสามารถนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ภายในสัปดาห์นี้
  • นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่จะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น และวางรากฐานเพื่อความมั่นคงในระยะยาว
  • ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ได้เริ่มหารือกับภาคเศรษฐกิจ เช่น สภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อเตรียมขับเคลื่อนประเทศ
  • รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยส่งเสริมการผลิตในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการรับจ้างผลิต (OEM)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะนำรายชื่อ ครม.  ขึ้นทูลเกล้าฯได้ 

ขณะที่นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ คือ มุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น และการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดให้มั่นคงต่อไปในระยะยาว 

“ประเทศไทยกำลังต้องขับเคลื่อนเพื่อให้ทุกอย่างที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ได้รับการแก้ไขและคลี่คลาย”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย แต่คงไม่ให้เวลาเสียโดยเปล่าประโยชน์ จึงได้ประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเห็นว่ามีความสำคัญมากว่ารัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจ ต้องไปคู่กัน แยกกันไม่ได้ ต้องนำภาคเศรษฐกิจในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแกร่งในมิติอื่นๆ เรื่องของคุณภาพชีวิต หากเศรษฐกิจดี คุณภาพชีวิตก็ดี วิถีชีวิตคนก็ดี สังคมก็จะมีความสงบสุข

“แม้ขณะนี้รัฐบาลกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ไม่ต้องการให้เวลาสูญเปล่า จึงเร่งหารือกับภาคเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง”

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีความท้าทายจากการแข่งขันของประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยไทยควรมองเห็นโอกาสจากการผลิตสินค้าส่งออก โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพการผลิตในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพา OEM (ผู้รับจ้างผลิต) เพียงอย่างเดียว

“ไทยไม่ควรเป็นแค่ผู้รับจ้างประกอบเท่านั้น ต้องใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มมูลค่าและขยายตัว GDP ให้ได้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยพยายามวางรากฐานอุตสาหกรรมของไทย แต่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เพราะฉะนั้น ต้องหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น ร่วมมือกับคณะกรรมการส่งงเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) และภาคเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน”