KEY
POINTS
การตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่สั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องกลับเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษจำคุก 1 ปี นับเป็น “เหตุการณ์ประวัติศาสตร์” ของการเมืองไทยอีกครั้ง
เพราะนี่คือ “อดีตนายกรัฐมนตรี” คนแรก ที่ต้องกลับไปชดใช้โทษ หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว แต่การบังคับโทษไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
แม้ภาพแรกที่สังคมเห็นอาจเป็นความสูญเสีย และความเจ็บปวดของ “ครอบครัวชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” ที่ต้องเผชิญแรงกดดันทางการเมือง แต่เมื่อมองลึกลงไป การกลับเข้าคุกครั้งนี้กลับอาจเป็น “ผลดี” ในเชิงการเมืองต่อพรรคเพื่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ
1.“ทักษิณ”ยอมรับชะตา : สร้างภาพลักษณ์ผู้นำเคารพกติกา
ตลอดเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อของ ทักษิณ ถูกผูกโยงกับข้อครหา “หนีคดี” และ “ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม” แต่วันนี้ การที่เจ้าตัวประกาศ “น้อมรับคำพิพากษา” และพร้อมกลับเข้ารับโทษ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ท่าทีดังกล่าวไม่เพียงลบข้อครหาที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2549 แต่ยังตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ ที่ยอมสละอิสระภาพเพื่อพิสูจน์ตนเองต่อสังคม และ ระบบกฎหมายไทย ขณะเดียวกัน ยังส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ถึงมวลชนว่า การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว และถึงเวลาที่ประเทศต้องเดินหน้าต่อ
2.ความเห็นใจ : กลายเป็นทุนทางการเมือง
การกลับเข้าคุกของอดีตนายกฯ ไม่ได้สร้างความสิ้นหวัง แต่กลับก่อให้เกิด “กระแสความเห็นใจ” อย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย
“ครอบครัวชินวัตร” โดยเฉพาะ แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ใช้โอกาสนี้แสดงความเข้มแข็ง ยืนยัน “สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” และประกาศพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลต่อ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ “ฐานมวลชนยิ่งแน่นแฟ้น” และเกิดความรู้สึกว่า พรรคไม่ได้พ่ายแพ้ แต่กลับ “ยืนหยัด” ในจุดที่ตนควรอยู่
3.พรรคเพื่อไทย : รีแบรนด์สู่พรรคฝ่ายค้านที่มีศักดิ์ศรี
หลังจากเสียเสียงข้างมากจนต้องกลับไปนั่งฝ่ายค้าน “พรรคเพื่อไทย” เผชิญโจทย์ใหญ่ คือ การรักษาบทบาทและความน่าเชื่อถือ แต่เหตุการณ์ “ทักษิณกลับเข้าคุก” กลับสร้างแรงกระตุ้นภายในพรรคให้ปรับยุทธศาสตร์
ภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย ย้ำชัดว่า พรรคพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ ไม่เสียขวัญกำลังใจ ตรงกันข้าม สมาชิกพรรคกลับมองว่า นี่คือเวลาที่จะยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย คือ พรรคที่ยึดมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย และจะใช้ทุกพื้นที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่
การเดินหน้าในฐานะฝ่ายค้าน ยังเปิดพื้นที่ให้พรรคสร้าง “แบรนด์ใหม่” คือ พรรคฝ่ายค้านที่จริงจัง มีความรับผิดชอบ และเป็นตัวแทนเสียงประชาชนที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ
4.การเมืองบนเวทีใหญ่ : พื้นที่ว่างสำหรับเพื่อไทย
เมื่อ ทักษิณ เข้าสู่เรือนจำ พื้นที่ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ยิ่งชัดเจนขึ้น เพราะลดแรงโจมตีที่ว่า พรรคยังเป็น “พรรคของทักษิณ” หรือ “ทักษิณสั่งการจากข้างนอก”
การที่หัวหน้าพรรคอย่าง แพทองธาร ออกมาแสดงความเป็นผู้นำทางการเมืองอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งสร้างภาพลักษณ์ “ลูกสาวที่สืบสานอุดมการณ์ แต่ไม่ใช่เงาของพ่อ” ยิ่งเป็นการขยายพื้นที่ทางการเมืองให้พรรคเพื่อไทย พัฒนาภาพลักษณ์ใหม่ โดยไม่ถูกกดทับด้วยข้อครหาจากคู่แข่ง
5.โอกาสระยะยาว : ทักษิณในฐานะ“ผู้นำทางจิตวิญญาณ”
แม้ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำอีก 1 ปี แต่ ทักษิณ ยังคงเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง และ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ของพรรคเพื่อไทย
คำพูดของ แพทองธาร ที่ย้ำว่า “คุณพ่อยังคงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ” แสดงถึงความพยายามของพรรคในการรักษามรดกทางการเมือง ขณะเดียวกันก็แยกบทบาทเชิงปฏิบัติออกไป
การปล่อยให้พรรคเดินไปข้างหน้าโดยไม่มี “เงาอำนาจ” ของ ทักษิณ มากำกับทุกการตัดสินใจ อาจกลายเป็นการสร้างสมดุลใหม่ ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย กลับมาเป็นพรรคการเมืองที่มีพลังในระยะยาว
จากวิกฤติสู่โอกาส
คำสั่งศาลฎีกาฯ ที่ให้ “ทักษิณ” กลับเข้าเรือนจำ แม้ดูเหมือนเป็นการปิดฉาก แต่ในเชิงการเมืองกลับกลายเป็นการ “เปิดฉากใหม่” ให้กับพรรคเพื่อไทย
• ลบข้อครหาหนีคดี - ยืนยันการเคารพกติกา
• ได้รับกระแสความเห็นใจ - เสริมทุนทางการเมือง
• รีแบรนด์พรรค - เป็นฝ่ายค้านที่มีศักดิ์ศรี
• ลดแรงโจมตี“พรรคของทักษิณ” - เปิดทางให้แพทองธารสร้างบทบาท
• ตอกย้ำบทบาททักษิณ - ในฐานะผู้นำเชิงสัญลักษณ์
ทั้งหมดนี้ทำให้การติดคุกของ “ทักษิณ” ไม่ได้เป็นเพียงโศกนาฏกรรมทางการเมืองของ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่กลับกลายเป็น “ต้นทุนใหม่” ที่ช่วยพรรคเพื่อไทยยืนหยัดในสนามการเมือง และอาจพลิกกลับมาเป็นพลังสำคัญอีกครั้งในอนาคต...
++++++++++++
“ทักษิณ”น้อมรับคำพิพากษา
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
“ทักษิณ”น้อมรับคำพิพากษา สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอภัยลดโทษจำคุกคงเหลือเวลา 1 ปี พร้อมขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุน
วันที่ 9 กันยายน 2568 ภายหลังศาลฎีกาฯ พิพากษาให้กลับไปรับโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ X ความว่า
“พี่น้องประชาชนที่เคารพ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานอภัยลดโทษจำคุกแก่ผมคงเหลือเวลา 1 ปี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ต่อทั้งตัวผม และครอบครัว
ผมขอน้อมรับและพร้อมเข้าสู่กระบวนการตามคำพิพากษาในวันนี้ ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2544-2549 ผมพยายามผลักดันทุกนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทย ให้พรรคการเมืองแข่งขันกันด้วยนโยบาย สร้างประชาธิปไตยที่กินได้จากผลงานของรัฐบาลที่ทำได้จริง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน
แม้ว่าทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารรัฐบาลของผม เมื่อปี 2549 แต่วันนี้ผมขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตัวผม
ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนตลอดมา ขอบคุณนักการเมือง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และ เพื่อนมิตรทั้งหลายที่เคียงข้างกันทั้งในยามสุขและยามยาก
ผมตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่เรามีร่วมกันมา จนกว่าจะถึงวันที่เราได้เดินร่วมทางกันอีกครั้ง
จากวันนี้แม้ผมจะไร้อิสรภาพ แต่ยังมีเสรีภาพทางความคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมจะรักษาความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ รับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ แผ่นดินไทย และ ประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะในสถานะใดนับจากนี้ ขอบคุณครับ”
รายงานพิเศษ โดย...ทีมข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4130