วันนี้(13ส.ค)ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากรณีปรากฏ คลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธาน วุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18มิถุนายน 2568
ซึ่งนางสาวแพทองธารผู้ถูกร้องแถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จ ฮุน เซน จริง แม้นางสาวแพทองธารผู้ถูกร้องจะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุย ทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวโดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทย ก็ตาม
แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธารแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนด มาตรการรวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ใน สภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ
เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะ เป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด
ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม นางสาวแพทองธารผู้ถูกร้องไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม มาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จึงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4) และ (5) หรือไม่
โดยศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา กำหนดนัด ไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30น. พยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกหากไม่มาตามกำหนดนัดถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล
และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายใน วันพุธที่ 27 สิงหาคม 2568 หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น
โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนและฟังคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคล