กต. ประณามต่อเนื่อง ย้ำกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน ยื่น UN ชี้แจงปกป้องอธิปไตย

25 ก.ค. 2568 | 10:04 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ค. 2568 | 10:04 น.

กระทรวงการต่างประเทศแถลง 25 ก.ค.68 ไทยประณามกัมพูชาหลังปะทะชายแดน ทำผู้เสียชีวิต 14 ราย ยื่นยูเอ็นชี้แจงจุดยืน ยืนยันปกป้องประชาชน–อธิปไตยเต็มที่

ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงพัฒนาการล่าสุด พร้อมแสดงจุดยืนของไทยอย่างชัดเจนต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน โดยย้ำว่า “ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มต้นเปิดฉากโจมตีทหารไทยก่อน” และเหตุปะทะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้ามืดของวันแถลงข่าว

สถานการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะแล้วรวม 14 ราย แบ่งเป็นพลเรือน 13 ราย และทหาร 1 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กอายุเพียง 8 ขวบและ 15 ปี รวมอยู่ด้วย ขณะเดียวกันยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 45 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังจุดปลอดภัย และดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้าง โดยเฉพาะในจุดสำคัญอย่างบริเวณปั๊มน้ำมันในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุอย่างหนักแน่นว่า ไทยขอประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างถึงที่สุด โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และศีลธรรมขั้นพื้นฐาน พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างสุดซึ้ง

ในมิติทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลกัมพูชา พร้อมลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อให้เกิดการรับทราบในวงกว้าง ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถาน ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ประจำเดือนกรกฎาคม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวเป็นเอกสารทางการของ UNSC ด้วย

โดยในช่วงกลางดึกของวันที่ 26 กรกฎาคม ตามเวลาไทย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะจัดประชุมแบบปิด (Private Meeting) เพื่อหารือสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยและกัมพูชาจะเข้าร่วมในฐานะคู่กรณี ร่วมกับสมาชิก UNSC ทั้ง 15 ประเทศ โดยผู้แทนไทยจะเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมอย่างเป็นทางการ

อีกหนึ่งประเด็นที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญ คือกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์แห่งกัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหาว่ากองทัพไทยรุกรานและสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก โดยนายนิกรเดชยืนยันว่า “บริเวณที่เกิดการปะทะอยู่ห่างจากตัวปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร” จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความเสียหายจากกระสุนหรือสะเก็ดระเบิด และย้ำว่าไทยจะมีหนังสือชี้แจงไปยังยูเนสโกอย่างเป็นทางการเช่นกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในระดับนานาชาติ

ท้ายที่สุด อธิบดีกรมสารนิเทศฯ ยืนยันว่า รัฐบาลไทยและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตยและดูแลสวัสดิภาพของประชาชน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญในการแยกแยะระหว่างข้อขัดแย้งทางทหารของรัฐบาลกับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งยังคงต้องอยู่ร่วมกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้านต่อไป