จากกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของไทยได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กับกัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ที่ผ่านมา สมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์คลิปการรายงานข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ผ่านทางเฟซบุ๊ค พร้อมระบุข้อความแสดงความเห็นต่อกรณีที่ไทยขู่ว่าจะหยุดจำหน่ายน้ำมันให้กัมพูชา
“สมเด็จฮุน เซน : การที่ไทยขู่จะหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา เป็นการกระทำที่ส่งผลเสียต่อตัวเอง สมเด็จฯ จึงแนะนำให้รัฐบาลและผู้ประกอบการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และควรหันไปซื้อสินค้าจากที่อื่นแทนประเทศไทย เพื่อไม่เปิดโอกาสให้ไทยใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการข่มขู่อีกต่อไป”
อีกทั้งก่อนหน้านี้ สมเด็จฮุนเซนโพสต์เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของเมื่อวานนี้ ระบุว่า
เกมแห่งการคุกคามที่อาจนำไปสู่การทำลายตัวเอง
วันนี้ พรรคฝ่ายค้านของไทยได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กับกัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน
ในการนี้ เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาจะไม่ล้มเหลวเพียงเพราะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ในทางกลับกัน อาจเป็นบริษัท PTT (บริษัท ปตท.) ของไทยเองที่ต้องเผชิญกับผลกระทบ คุณต้องการให้บริษัท PTT ของไทยล่มสลายใช่หรือไม่? ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ก็จงเดินหน้าต่อไปตามแผนของคุณ
กัมพูชาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่คุณใช้คุกคามเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า แรงงาน และตอนนี้น้ำมันก็ถูกใช้เป็นอาวุธอีกหนึ่งอย่างในเกมนี้ ในอดีตคุณเคยดูถูกและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชา ใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่เมื่อเราประกาศว่าจะรับแรงงานกลับประเทศ คุณก็เปลี่ยนท่าทีทันที กลับมาปลอบโยนและดูแลแรงงานเหล่านั้น ทำไม?
เพราะถ้าแรงงานกัมพูชาถอนตัวจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และไซต์ก่อสร้าง ธุรกิจจำนวนมากในไทยอาจต้องปิดตัวลงเพราะขาดแรงงาน หากคุณกล้าจริง ก็ลองไล่แรงงานกัมพูชาออกให้หมด แล้วมาดูกันว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน น้ำมันก็เช่นเดียวกัน ลองดูได้เลย แต่อย่าลืมปรึกษาบริษัท PTT ของไทยก่อน เพราะนั่นอาจหมายถึงการทำลายธุรกิจของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ PTT ยังมีสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชา หรืออาจต้องหาน้ำมันจากประเทศอื่นมาขายแทน
ในฐานะผู้นำพรรค ข้าพเจ้าขอแนะนำให้รัฐบาลกัมพูชาและผู้ประกอบการ พิจารณาหันเหการซื้อสินค้าจากประเทศไทย เพื่อไม่ให้ฝ่ายไทยมีเหตุผลมาใช้ข่มขู่อีกต่อไป และหากปัญหาด่านชายแดนยังไม่ได้รับการแก้ไข กัมพูชาควรระงับการนำเข้าสินค้ากระป๋องทุกชนิดจากประเทศไทย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มให้พลังงาน ปลากระป๋อง หรือเนื้อสัตว์กระป๋อง และหันมาใช้สินค้าผลิตในประเทศหรือสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นแทน
ประชาชนกัมพูชาควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองข้ามพรมแดนกัมพูชา และก้าวสู่อนาคตหลังปี 2030