ท่องเที่ยวหวั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติ รับข่าวสารไม่ถูกต้อง จี้รัฐสื่อสารให้ชัดเจน

19 มิ.ย. 2568 | 06:45 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2568 | 06:55 น.

ท่องเที่ยว ชี้ปมคลิปเสียงนายกแพทองธาร-ฮุนเซน รัฐสื่อสารให้ถูกต้องชัดเจน หวั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนอาจไม่ได้รับข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำ เชื่อการประท้วง หรือ ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ประเด็นคลิปเสียงการเจรจาหลังบ้านของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ที่เผยแพร่เสียงสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เป็นเรื่องร้อนที่สุดของ รัฐบาลชุดนี้

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้น การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและ ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชา มีผลกระทบในการหดตัวของความร่วมมือในทุกมิติโดยตรง

ส่วนในมุมของการท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกที่เดินทางมาไทย อาจมีผลต่อนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ไม่ได้รับข่าวสารที่แม่นยำ ถูกต้อง ภาครัฐต้องเร่งสื่อสารให้ถูกต้องชัดเจน

ในส่วนของ การประท้วง หรือ ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว เพราะในอดีตประเทศไทย ผ่านมาพอสมควร ความเชื่อมั่นจากนี้ ต้องดูการตัดสินใจทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นของฝ่ายการเมือง จะเป็นตัวตัดสินใจ อนาคตของผลกระทบภาพรวมของประเทศ

อีกทั้งโดยส่วนตัวเชื่อว่ามีโอกาสยุบสภา มากที่สุด วันนี้คงมีพรรคร่วมรัฐบาล ประกาศถอนตัวเพิ่มขึ้น โดยต้องจับตาการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง 17:00 น.ของวันนี้ และ พรรคอื่น ๆ คงดูกระแสประชาชน ในวันนี้ และ เป็นการบีบให้ พรรคร่วมรัฐบาล ต้องถอยหลัง หรือ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะประกาศลาออก เพื่อพยุงพรรคร่วม และให้พรรคเพื่อไทย ยังมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ประคองต่อไปเพื่อรอโอกาสเลือกตั้งอีกครั้ง

แต่ผมคิดว่าโอกาสน้อยมากที่นายกรัฐมนตรีจะลาออก การเป็นผู้นำประเทศ ที่มีแต่ความกล้า ที่จะรับตำแหน่งในขณะที่ทักษะไม่เพียงพอ กับการบริหารประเทศที่ต้องดูแลปัญหาร้อยแปด ในทุกวินาทีที่ตื่นมา และ เผชิญแรงกดดันอย่างหนัก กับสถานการณ์รอบด้าน แต่ขาดพัฒนาการในการเรียนรู้ ปรับตัว ทำให้ขาดความศรัทธามากขึ้นเรื่อย ๆ

 

จากการเป็นผู้นำมือใหม่ จนเกิดปัญหาใหญ่มาก การใช้เทคนิคการเจรจา คิดแบบเด็กอ้อนผู้ใหญ่ เพื่อเจรจา ปัญหาความขัดแย้งระดับประเทศ เป็นเรื่องที่ ประชาชนทั่วไป ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และ ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ คงยากที่จะยอมรับเหตุผลของการพูดเอาใจคู่กรณี ด้วยการให้ร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาตนเอง เป็นเรื่องที่ ยากที่จะยอมรับกันในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และ การพูดคำนี้ เป็นการแสดงถึง จิตใต้สำนึก คนถูกกล่าวถึงเป็นฝั่งตรงข้ามมาตลอด

ดังนั้นการยอมรับ และจะให้ผู้นำพาประเทศต่อไป ของหน่วยงาน และ ประชาชนต่าง ๆ คงยากมากๆ สถานการณ์ประเทศ เข้าสู่ภาวะ ปัญหารอบทิศ  ประชาชนกำลังเดือดร้อน เรากำลังต้องการผู้นำ ที่เข้มแข็ง ซื่อสัตย์ เฉลียวฉลาด มีวิสัยทัศน์ มานำพาประเทศออกจากภาวะวิกฤต

นอกจากนี้เช้านี้เมื่อดูจากข่าวต่างประเทศ ที่วิเคราะห์สถานการณ์ ไทย - กัมพูชา เกิดจาก ฝรั่งเศส ถึง ระเบิดเวลาเกี่ยวกับ เขต พรหมแดนระหว่างประเทศไว้ ในช่วงปี 1960 ถึงเป็นประเด็นสำคัญ ของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ของเหล่านักล่าอาณานิคมตะวันตกทำไว้ในทุกภูมิภาค ทำให้มีความคลุมเครือ และ เกิดข้อพิพาทกันมีการเทียบแสนยานุภาพ ไทย - กัมพูชา ไทยเหนือกว่ามากมายในทุกทุกมิติ และ ผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าไม่น่าเกิดสงครามใหญ่ใดๆ และไม่มีความจำเป็น สำหรับไทย - กัมพูชา ซึ่งสามารถเจรจากันได้

โดยเฉพาะกัมพูชา ไม่มีศักยภาพใด ๆ จะสู้กับประเทศไทยได้เลย และ ปมข้อพิพาทนี้ ทำให้เกิดการต่อสู้กันมาหลายครั้งและมีผู้เสียชีวิตมากว่า 60 รายแล้ว ตั้งแต่อดีต และ ชาวบ้านเดือดร้อนจากการสู้รบ มาตลอดที่การปะทะกัน