ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบกรณีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ฮั้ว สว.) ได้ทำหนังสือแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา ในกรณีของ “นาง ร.” ลงวันที่ 10 มิ.ย. 2568 โดยเนื้อหาหนังสือดังกล่าวระบุว่า
ด้วยในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏว่า ท่านได้กระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือก หรือร่วมกับกับบุคคลอื่นกระทำการ หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 และมาตรา 77 (1) ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62
คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 1107/2568 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2568 และตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ 1581/2568 ลงวันที่ 30 เมษายน 2568 จึงจัดทำบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบโดยสรุป กล่าวคือ
เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2567 ภายหลังจากมีการวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยที่มี นาย ภ. เป็นแกนนำ และผู้คิดริเริ่มในการวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ที่มิได้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งยังขัดต่อหลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ต่อมาได้จัดประชุมเพื่อวางแผนที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ปฏิบัติการเตรียมจัดหาผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอทุกอำเภอ ให้ครบทุกกลุ่มซึ่งจะให้มีการเตรียมการทั่วทั้งประเทศ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยกำหนดจะให้เงินสดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จากนั้นได้กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งและเลือกในแต่ละจังหวัด ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และเมื่อผ่านเข้าเป็นผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่า ทีมผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ จำนวน 20 คน จะได้โควต้าที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 1 คน
โดยเมื่อทีมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศครบจำนวน 20 คน หรือ มีจำนวนประมาณ 15 ถึง 20 คน แล้ว หัวหน้าทีมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็จะส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ซึ่งนำหมายเลขของผู้นั้นไปกำหนดไว้ใน “โพยรอบไขว้” เพื่อเป็นหลักประกันในการได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 1 คน
จากนั้นจะส่งรายชื่อ นามสกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน และหมายเลขประจำตัวผู้สมัครของผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศไปยังท่านกับพวก ซึ่งเป็นทีมงานของ นาง สสร. โดยผ่านทางแอพพลิเคชันไลน์ เพื่อที่ท่านจะส่งต่อไปยัง นาง สสร.และจากนั้น นาง สสร.จะส่งต่อไปให้ นาย ภ. และทีมงาน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ซึ่งท่านเป็นทีมงานตัวหลักของ นาง สสร. ในการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวของแต่ละทีมที่จัดส่งมา เพื่อนำไปจัดทำโพยหมายเลขประจำตัวผู้สมัครที่จัดทำไว้ล่วงหน้า หรือเรียกว่าชุด หรือบล็อกโหวต (โพยฮั้ว) ไปใช้ในการลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศในวันที่ 26 มิถุนายน 2567
ทั้งในรอบแรก คือ รอบลงคะแนนเลือกผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศภายในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าจำนวน 10 หมายเลข และรอบสอง คือ รอบลงคะแนนเลือกผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศในกลุ่มอื่นแต่ละกลุ่มในสายเดียวกัน (เลือกไขว้) มีการกำหนดไว้กลุ่มละจำนวน 5 หมายเลข ทั้ง 20 กลุ่ม
นอกจากนี้ ท่าน กับ นาง สสร. และทีมงาน มีส่วนสำคัญในการจ่ายเงินของพรรคภูมิใจไทย เพื่อจัดการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาอันมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายในครั้งนี้ โดยมีการให้ไปรับเงินกับท่านที่สำนักงานใหญ่พรรคภูมิใจไทย ชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องประชุมพรรคภูมิใจไทย และให้มีการลงลายมือชื่อรับเงินทุกครั้ง อีกทั้งท่านซึ่งเป็นทีมงานของ นาง สสร. ยังเป็นตัวหลักในการเก็บรวบรวมใบลาออกจากสมาชิกวุฒิสภา ตามที่ผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นการล่วงหน้าโดยไม่ได้ลงวันที่
การกระทำดังกล่าวของท่าน จึงเป็นการให้ เสนอให้เงินหรือทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้ผู้สมัคร หรือ ผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ๆ ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
นอกจากนี้ การที่ต่อมาผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศได้ทำการลงคะแนนในบัตรลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ตามที่ท่านกับพวกบงการ หรือ ชี้นำดังกล่าว อันเป็นการสมยอม หรือ ช่วยเหลือกันในการลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภา ที่รับรู้กันมาก่อนเป็นการล่วงหน้า
โดยผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศแต่ละคนที่มาประชุม ขาดความเป็นอิสระในการลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภา ทำให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นความลับ ซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานของการเลือกตั้ง ที่ต้องเป็นไปโดยลับและโดยเสรี และเป็นการไม่ปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขในการแนะนำตัวที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
โดยเหตุเกิดที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่โรงแรมธาราแกรนด์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ที่คลองสวนพลูรีสอร์ท อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่ วังยาวริเวอร์ไซค์รีสอร์ท จังหวัดนครนายก เป็นต้น
การกระทำดังกล่าวของท่านจึงเป็นการสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำของคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลทำให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ มิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรมตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน (ส่วนกลาง) คณะที่ 26 ขอแจ้งให้ท่านทราบด้วยว่า ตามบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาข้างต้น ท่านมีสิทธิที่จะให้หรือไม่ให้ถ้อยคำ หรือมีหนังสือแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาภายในเวลาที่กำหนด และท่านมีสิทธิที่จะให้ทนายความ หรือ บุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาได้จำนวนหนึ่งคน
หมายเหตุ : สำนวนดังกล่าวเป็นของ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็น “ผู้บริสุทธิ์” จนกว่าคดีจะถึงที่สุด