คดี“ฮั้ว สว.”บานปลาย ลามยุบพรรคภูมิใจไทย?

20 พ.ค. 2568 | 23:30 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2568 | 04:59 น.

คดีฮั้ว สว. กำลังบานปลายลามไปถึงนักการเมือง มีข้อกล่าวหายื่นคำร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย

KEY

POINTS

  • คดีฮั้วเลือก สว. กำลังบานปลายลามไปถึงนักการเมือง มีข้อกล่าวหาโยงไปถึงพรรคสีน้ำเงิน 
  • ขณะนี้ทั้ง ณฐพร โตประยูร และ กุสุมาลวตี ศิริโกมุท ได้เคลื่อนไหวยื่นคำร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเรื่องไปยังศาล รธน. เพื่อสั่งยุบพรรคสีน้ำเงิน
  • คดีฮั้ว สว. ที่ลุกลามสู่พรรคร่วมรัฐบาล อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเมือง ตั้งแต่ “ยุบพรรค-ปรับ ครม.-ยุบสภา” ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลครบวาระก็เป็นไปได้
     

การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 ไม่ได้เป็นเพียงเวทีของผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายอาชีพ หากแต่กลายเป็นสมรภูมิแฝงเกมอำนาจ ที่มีเดิมพันใหญ่ คือ การครอบครองเสียงในสภาสูง เพื่อส่งผลต่อองค์กรอิสระ-ตุลาการ-การเมืองใหญ่ระยะยาว

เสียงเตือนเรื่อง “ฮั้ว สว.” เริ่มดังตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนไต่สวน กรณีพบความผิดปกติในการเลือกตั้ง สว. ก็เริ่มมีการ "เปิดรายชื่อ" ผู้ถูกกล่าวหาทีละล็อต ลากยาวจาก สว. ไปจนถึงข้าราชการ นักการเมือง และคนระดับรัฐมนตรี

ณฐพร โตประยูร นักร้องเรียนมือเก๋า ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อ อัยการสูงสุด(อสส.) ขอให้ดำเนินการส่งเรื่องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างอิงความผิดตาม มาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ
คำร้องดังกล่าว ถือเป็นจุดแตกหักที่พลิกสถานการณ์จาก "เรื่องในวงเลือก สว." ให้กลายเป็น "เรื่องของพรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาล"

จุดเริ่มต้นฮั้ว สว.

การเลือก สว. ปี 2567 ใช้กลไกเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพ 20 สาขา มีผู้สมัครมากกว่า 45,000 คนทั่วประเทศ กลไกตามรัฐธรรมนูญวางไว้ว่าจะไม่มี "ประชาชนทั่วไป" มาโหวตโดยตรง แต่ให้กลุ่มผู้สมัครเลือกกันเองแบบไขว้

 

แม้จะดูเป็นกระบวนการโปร่งใสในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติกลับกลายเป็น “ช่องโหว่” ให้เกิดการรวมกลุ่ม หารแบ่งโควตา และใช้ “สายสัมพันธ์ทางการเมือง” มาเกาะเกี่ยวสร้าง ขบวนการล็อกผลเลือกตั้ง เพื่อยึดกุมตัวแทนในสภาสูง

โดยเฉพาะใน กลุ่มการเมืองสายสีน้ำเงิน ที่เริ่มมีรายงานว่า ส่งทีมงานเข้าจัดการตั้งแต่ต้นน้ำ ผ่านการสนับสนุนผู้สมัครที่เป็นเครือข่ายตนเองในแต่ละจังหวัด ทั้งสายผู้บริหารท้องถิ่น อดีต สส. นักธุรกิจ ข้าราชการ และอดีต สว. เดิม

ขบวนการฮั้ว สว. โยงรมต. 

คำร้องของ ณฐพร ที่ยื่นต่ออัยการสูงสุด ไม่ได้อาศัยเพียงข้อสันนิษฐาน แต่แนบด้วยเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ทั้งคำรับสารภาพของผู้สมัครบางราย, คลิปเสียง, แชทไลน์ และ แผนผังเครือข่ายขบวนการฮั้ว สว. ที่อ้างอิงมาจากข้อมูลของ ดีเอสไอ และ กกต.

ในแผนผังดังกล่าว มีการเชื่อมโยงถึงบุคคลในระดับสูงทางการเมือง ทั้ง รัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรี, สส.ปัจจุบัน, กรรมการบริหารพรรค, ไปจนถึง เจ้าของพรรค ซึ่งเชื่อกันว่ามีบทบาทเป็น “ผู้กำหนดเกม” และจัดโควตากลุ่มให้คนของตนเข้ามาเป็น สว.

ขณะที่ในสนามปฏิบัติ มีผู้สมัครบางรายที่ยอมเปิดปากว่าได้รับการสนับสนุนจากทีมงานทางการเมือง พร้อม “ค่าตอบแทน” เพื่อโหวตให้กลุ่มเดียวกันในระดับจังหวัด-กลุ่มอาชีพ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 113 ที่ห้ามมิให้มีการซื้อเสียงหรือสมรู้ร่วมคิดกันเลือกตั้งโดยมิชอบ

“บิ๊กเนม”พัวพันปมฮั้ว สว. 

ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. 2568  เป็น “ดีเดย์” ที่ กกต. ทยอยเรียก สว.ลอตแรกจำนวน 55 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยในวันแรก 19 พ.ค. เรียก สว.เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 22 คน วันที่ 20 พ.ค. อีก 22 คน และวันที่ 21 พ.ค. อีก 11 คน
ขณะล็อตที่สอง ที่เปิดรายชื่อออกมา  10 ราย พบว่ามี “บิ๊กเนม” สายสีน้ำเงินปรากฏหลายคน ดังนี้ 

1.น.ส.วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช สมาชิกพรรคภูมิใจไทย 2.นายสุบิน ศักดา ผู้นำชุมชน หัวคะแนนนายพิชัย ชมภูพล สส.สุราษฎร์ธานี พรรคภูมิใจไทย 3.นายสมเกียรติ เลียงประสิทธิ์ หรือ “โกเกียรติ” เจ้าของค่ายมวยเกียรติเจริญชัย กรุ๊ป บิดานายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส.สตูล พรรคภูมิใจไทย 

4.นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย (อนุทิน ชาญวีรกูล) อดีต สส.สุโขทัย พรรคภูมิใจไทย 5.นายวงศกร ชนะกิจ เลขานุการ กมธ.ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคภูมิใจไทย

6.นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีต สส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน 7.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ พรรคภูมิใจไทย 8.นายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว สว.จากนครศรีธรรมราช ผู้ทำอาชีพเกษตรอินทรีย์ เป็นสว.กลุ่ม 6 กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง

9.นายสมศักดิ์ จันทร์แก้ว สว.จากนครศรีธรรมราช อดีตกรรมการสมาคมโรงสีข้าวภาคใต้ ผู้คร่ำหวอดในวงการข้าวลุ่มน้ำปากพนัง มีเครือข่ายการเมือง เครือข่ายวงการข้าวไทย 10.นายณัฐกิตติ์ หนูรอด สว.จากพัทลุง อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง อดีตผู้สมัคร สส.นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย

รวมแล้ว ยอดผู้ถูกสอบสวนทะลุ 140 ราย โดย กกต. ยืนยันว่าข้อมูลของแต่ละคนมี “พยานหลักฐานเบื้องต้น” เพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหาได้

                               คดี“ฮั้ว สว.”บานปลาย ลามยุบพรรคภูมิใจไทย?

“กุสุมาลวตี”ยื่นกกต.ยุบภูมิใจไทย 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. และอดีต สส.พรรคไทยรักไทย ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมคบกันล็อกผลการเลือก สว.

นางกุสุมาลวตี ระบุว่า มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึงบุคคลในพรรค ทั้ง มีพฤติการณ์บงการให้ สว. ที่ได้รับเลือกเขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้า หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพรรค

หลักฐานที่นำมาแสดงประกอบคำร้องมีทั้งภาพถ่าย คลิปเสียง และเอกสารเกี่ยวกับการโอนเงินผ่านเครือข่าย ซึ่งนางกุสุมาลวตียืนยันว่า “สามารถตรวจสอบผ่านระบบ Super Computer ได้” พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของนายอำเภอและกระทรวงมหาดไทย ที่อาจมีส่วนช่วยในการคัดเลือกผู้สมัครบางรายแม้คุณสมบัติไม่ตรง

นอกจากนี้ยังกล่าวถึง นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการจัดให้เขียนใบลาออก พร้อมระบุว่า กระบวนการล็อกโหวตนี้ "อุกอาจ ท้าทายกฎหมาย และเป็นภัยต่อประชาธิปไตย" 

นางกุสุมาลวตี ระบุว่า ตนเองไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อกลับมาเป็น สว. แต่ต้องการยืนหยัดเพื่อกระบวนการยุติธรรม และเตือนว่า หากองค์กรอิสระทั้ง 7 แห่ง ถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง กระบวนการตรวจสอบในอนาคตจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

“ดิฉันเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนี้ควรนำไปสู่การยุบพรรค เพราะหากปล่อยให้ สว.ชุดนี้ดำรงตำแหน่งต่อ จะส่งผลต่อกระบวนการตรวจสอบในทุกระดับ” นางกุสุมาลวตี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ นางกุสุมาลวตี ยื่นร้องยุบพรรคภูมิไทย ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาโดยที่ผ่านมา นายอนุทิน และผู้เกี่ยวข้องได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกพาดพิงทั้งหมด

กระบวนการสอบฮั้ว สว. ที่ลุกลามเข้าถึงพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเมือง ตั้งแต่ การ “ยุบพรรค-ปรับ ครม.-ยุบสภา” ซึ่งทั้งหมดอาจเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลครบวาระ ก็เป็นไปได้...   

                           ++++++++


“ภูมิใจไทย”ฟ้องกลับ“กุสุมาลวตี” 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบโต้กรณีที่นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ยื่น กกต. ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วเลือก สว. 

นายอนุทิน ระบุว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมด “โกหก” และเป็นพฤติกรรม “กักขฬะ” ซึ่งรู้จักนิสัยของผู้ร้องมานานตั้งแต่สมัยอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการนัดผู้สมัคร สว. ที่โรงแรมใดย่านรางน้ำตามที่ถูกกล่าวอ้าง และย้ำว่าตนเพียงใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่นัดพบทั่วไป

นายอนุทิน ระบุา นางกุสุมาลวตี เคยมาดักเจอที่รัฐสภาเพื่อขอเสียงสนับสนุน แต่ตนปฏิเสธอย่างสุภาพ และไม่สนใจ เพราะรู้พฤติกรรมมาก่อน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้เป็น “ขบวนการ” และยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยมีทีมกฎหมายดูแล เตรียมฟ้องกลับหากการกล่าวหาเกินเลย

“ผมพยายามสุภาพเต็มที่แล้ว แต่เมื่อพูดโกหกหลอกลวงประชาชนแบบนี้ ก็ต้องฟ้องกันบ้าง” นายอนุทิน ระบุ 

                      อนุทิน ชาญวีรกูล                      

ด้าน นางสาว แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นางกุสุมาลวตี กล่าวหา หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และพรรคภูมิใจไทย ก่อให้เกิดความเสียหาย ว่า ทางพรรคภูมิใจไทยจะใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรม โดยจะให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค ดำเนินการฟ้องร้อง

"วันนี้พรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องออกมาปกป้องตนเอง จากการใส่ร้ายบิดเบือน จากฝ่ายการเมืองผู้ไม่หวังดี ที่ดูเหมือนว่ามีเจตนาพิเศษ จ้องจะทำลายพรรคภูมิใจไทย"

น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นสถาบันพรรคการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และท่านหัวหน้าอนุทิน มีแนวทางการทำงานโดยเน้นทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ

"พรรคภูมิใจไทย จึงขอใช้สิทธิ ดำเนินการทางกฎหมาย ต่อนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ให้ร้ายพรรคภูมิใจไทย ให้ถึงที่สุดต่อไป" โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว 

รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4098 หน้า 12 โดย...ทีมข่าวการเมือง