“ณัฐพงษ์”ชำแหละ "งบ 69" ขาดเป้าหมาย เสี่ยงพาประเทศสู่รัฐล้มเหลว

28 พ.ค. 2568 | 12:15 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ค. 2568 | 12:29 น.

“ณัฐพงษ์”ชำแหละ “งบ 69” ไร้ทิศทางพาประเทศฝ่าวิกฤต โยนงบดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนบ้านบาท ให้ อปท. ไร้แผนหลัก เตือนไทยกำลังเข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลว ศรัทธาประชาชนพังทลาย

วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน โดยชี้ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารงบประมาณขาดดุลเกือบแตะเพดานทางการคลังในรอบ 36 ปีนับตั้งแต่ปี 2532

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า งบประมาณที่เสนอ แม้จะมีวงเงินรวมถึง 3.78 ล้านล้านบาท แต่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพียงร้อยละ 25 หรือราว 1.06 ล้านล้านบาทเท่านั้น โดยรัฐบาลกลับไร้แผนการลงทุนรองรับการใช้เงินกู้ ทำให้การใช้จ่ายไม่สร้างอนาคตให้ประเทศ และสะท้อนถึง “ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง” ในการบริหารราชการแผ่นดิน

นายณัฐพงษ์ วิจารณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงงบประมาณดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 ล้านบาท ไปสู่รูปแบบงบลงทุนในระดับท้องถิ่น ก็ไม่ได้เกิดจากวิสัยทัศน์ หรือ แผนแม่บท แต่เป็นการ “โยนภาระ” ไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ โดยให้เวลาจัดส่งคำของบเพียง 3 วัน สะท้อนว่า รัฐบาลไม่มีความพร้อม ไม่มีภาพรวม และไม่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศได้ 

“นี่คือการกระจายผลประโยชน์มากกว่าการกระจายยุทธศาสตร์ กลุ่มที่รู้ล่วงหน้าจึงได้เปรียบ รัฐบาลขาดเจตจำนงทางการเมืองอย่างแท้จริง”

ผู้นำฝ่ายค้านยังชี้ว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจ จากแรงกดดันด้านการค้าระหว่างประเทศ การสวมสิทธิสินค้าเถื่อน และการส่งออกที่ซบเซา ขณะที่จีดีพีจากการผลิตและการบริโภคสวนทางกัน ชี้ชัดว่าการ “แจกเงิน” ใช้ไม่ได้อีกต่อไป 

นอกจากนี้ ยังเสนอแนวทางปฏิรูประบบงบประมาณให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น การลงทุนในเศรษฐกิจไฮเทค การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และการจัดลำดับความสำคัญของงบแบบใหม่ ไม่ใช่แค่ “จัดกลุ่มตัวเลข”

พร้อมกล่าวโจมตีงบประมาณรายหน่วยที่ “ล้าหลัง” ว่า รัฐบาลใช้งบเพื่อจัดการน้ำ ไปกับการสร้างเขื่อนและตลิ่ง มากกว่าระบบเตือนภัย ใช้งบเกษตรกับการเยียวยามากกว่าการลงทุน งบซอฟท์พาวเวอร์กลายเป็นเพียงงานอีเว้นท์ซ้ำซ้อน ขณะที่งบสิ่งแวดล้อม และคนพิการ ก็ไร้ประสิทธิภาพ 

“ประเทศไทยไม่ขาดเงิน แต่ขาดการใช้เงินอย่างมีเป้าหมาย” นายณัฐพง์ ย้ำ พร้อมเสนอแนะให้ใช้งบประมาณแบบใหม่ เช่น งบประกันสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี ซึ่งสามารถสร้างตัวคูณเศรษฐกิจได้ถึง 7 เท่า

นายณัฐพงษ์ ยังตั้งคำถามต่อบทบาทของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า แม้นายกฯ จะไม่ได้เป็นผู้ทำงบประมาณโดยตรง แต่ก็ควบคุมสำนักงบประมาณโดยตำแหน่ง ซึ่งควรแสดงวิสัยทัศน์ในการตัดงบที่ซ้ำซ้อน และปรับเป้าหมายงบให้ชัดเจน

“การปล่อยให้ใช้งบแบบไร้ทิศทาง จึงต้องตั้งคำถามว่า ประเทศนี้มีผู้นำรัฐบาลอยู่จริงหรือไม่” ผู้นำฝ่าย ค้านกล่าว 

ก่อนจะทิ้งท้ายอย่างเผ็ดร้อนว่า การจัดทำงบประมาณแบบเดิม ๆ คือ “กระจกสะท้อน” ความล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เป็นแค่วิกฤตการคลัง แต่คือ “วิกฤตทางการเมือง” ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

“วันนี้ ประเทศไทยยังไม่ใช่รัฐล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ โครงสร้างรัฐยังอยู่ แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนได้พังลงแล้ว” นายณัฐพงษ์ กล่าว