“แก้วสรร” ไขข้อกังขาความรับผิดของยิ่งลักษณ์ในคดีรับจำนำข้าว

24 พ.ค. 2568 | 04:25 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2568 | 05:54 น.

“แก้วสรร” วิเคราะห์คดีจำนำข้าว ชี้ “ยิ่งลักษณ์” ต้องรับผิดละเมิดไม่ใช่เพราะนโยบาย แต่เพราะละเลยความเสียหายที่เกิดขึ้น ชี้ศาลไม่ได้รังแก หากแต่ตัดสินตามพยานหลักฐานและบทบาทที่รับผิดชอบ

นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดของยิ่งลักษณ์ในคดีรับจำนำข้าว” โดยชี้ให้เห็นถึง "ความรับผิดชอบทางการเมือง" และ "ความรับผิดชอบทางละเมิด" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคดี มีรายละเอียดดังนี้

สาเหตุหนึ่งที่ระบอบทักษิณยังกลับสู่อำนาจได้ ทั้งๆที่ต้องคดีทุจริตถูกลงโทษมาแล้วมากมายนั้น สาเหตุสำคัญคือความไม่รู้ไม่เห็นของชาวบ้าน ด้วยเหตุนี้ความจำเป็นที่จะต้องทำความยุติธรรมในแต่ละคดีให้กระจ่างเป็นที่เข้าใจได้ทั่วไปจึงสำคัญยิ่ง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเขาก็ต้องทุ่มเทบิดเบือนว่าถูกรังแกหรือใส่ร้ายเป็นธรรมดา

คดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว มีสองส่วนทั้งคดีอาญา และคดีรับผิดชดใช้ความเสียหายให้รัฐ คดีหลังนี้ อดีต นายกฯยิ่งลักษณ์ พึ่งประเดิมต้องคำสั่งเป็นคนแรก เริ่มจากถูกสอบสวนแล้วออกคำสั่งให้ชดใช้ พร้อมยึดทรัพย์โดยกระทรวงการคลังตั้งแต่สมัยรัฐบาลประยุกต์ เมื่อปี 2558 ก่อน ครั้นมีการโต้แย้งคำสั่งนี้ต่อศาลปกครอง ศาลปกครองสูงสุดก็พึ่งจะมีคำพิพากษา ยืนยันให้ชดใช้เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า ต้องชดใช้เป็นเงินหมื่นล้านบาท

เฉพาะในส่วนการลงไม้ลงมือของ นายกฯประยุทธ์ เมื่อปี 2558 นั้น ผมได้เคยเขียนบทความเสนอไว้แล้วว่า เป็นการทำตามบังคับของกฎหมายไม่ใช่ตามอำนาจคณะรัฐประหาร ข้อกล่าวหาว่า “ตู่รังแกปู” จึงไม่จริง มาถึงวันนี้ศาลตัดสินไปแล้วก็ยังบิดเบือนกันอยู่อีก ผมจึงขอนำบทความนี้มาเสนออีกครั้งหนึ่ง เป็นตอนที่ 1

สำหรับบทความที่สอง ก็จะเป็นเรื่องคำพิพากษาศาลปกครอง ที่ก็ยังถูกวิพากษ์ไว้หนักหนาทีเดียว ทั้งเกินคำขอ ทั้งคลุมเครือเอาโทษรัฐบาลที่รับผิดชอบเฉพาะการวางนโยบายได้อย่างไร คำพิพากษานี้ได้ให้คำตอบไว้อย่างไร บทความตอนที่ 2 ก็จะสะสางให้เห็นกันต่อไป กล่าวคือ

ตอนที่ 1 คำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย : “ตู่” รังแก “ปู” ???

 

“แก้วสรร” ไขข้อกังขาความรับผิดของยิ่งลักษณ์ในคดีรับจำนำข้าว

 

คดีนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลซึ่งดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ใช่การใช้อำนาจตามกฎหมายในสถานการณ์ปกติ แต่เป็นการใช้อำนาจของนายกฯที่ยึดอำนาจกระทำต่อนายกฯที่ถูกยึดอำนาจ ควรใช้ช่องทางฟ้องศาลแพ่งตามปกติ ไม่ให้เกิดเสียงสะท้อนเรื่องการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมือง - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมต.ช่วยพาณิชย์ และแกนนำ นปช.

 

ข้อความข้างต้นนี้ผลิตออกมาเพื่อบิดเบือนการทำงานตามกฎหมายของรัฐบาลทั้งสิ้น ในฐานะที่ผมได้มีส่วนร่วมผลักดันยื่นข้อเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเรื่องนี้มา ก็ขอชี้บ่งเหตุผลทางกฎหมายเพื่อชำระล้างความเข้าใจผิดๆ จากลมปากข้ารับใช้เผด็จการ (จากหีบเลือกตั้งที่คอร์รัปชั่น) ดังต่อไปนี้

 

รู้จักกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

ถาม ทำไมในปี 2539 ถึงต้องมีพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดทางละเมิด ของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกิดขึ้นมาโดยเฉพาะ

ตอบ เมื่อคนของรัฐไปปฏิบัติงานแล้วเกิดความเสียหายแก่รัฐ เช่นตำรวจไปยิงกับผู้ต้องหาค้ายาบ้าแล้วกระสุนพลาดไปถูกชาวบ้านตายจนรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้เขา หรือตำรวจหลับยามจนปืนถูกขโมยทั้งโรงพัก ทั้งหมดนี้ตำรวจต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้รัฐทั้งสิ้น เขาจึงมีกฎหมายมาจัดการให้รัฐใช้อำนาจปกครองออกคำสั่งให้ชดใช้เงินได้ ถ้าไม่ยอมชดใช้รัฐก็บังคับยึดทรัพย์ได้ด้วยตนเองเลย ถ้าตำรวจไม่ยอมเพราะเห็นว่าตนไม่ได้ประมาทร้ายแรง หรือค่าเสียหายมากเกินจริงก็ต้องฟ้องศาลปกครองให้ชี้ขาด โดยขอทุเลาการบังคับคดีไว้ก่อน

ถาม ถ้าเป็นลูกจ้างเอกชน ทำนายจ้างเสียหายอย่างนี้เหมือนกัน กฎหมายจะว่าอย่างไร

ตอบ ก็เป็นผิดตามสัญญาจ้าง นายจ้างได้แต่เอาความเสียหายไปฟ้องให้ศาลแพ่งตัดสินและบังคับคดีให้นายจ้างต่อไป เขาจะไม่มีอำนาจสั่งและบังคับยึดทรัพย์ด้วยตนเองเลย

 

การบิดเบือนของข้ารับใช้

ถาม เรื่องจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่างจากโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลก่อนๆอย่างไร

ตอบ มันไม่ใช่ประกันราคา แต่เป็นการที่รัฐเข้าไปผูกขาดค้าข้าวเลย ทำอย่างนี้มันอยู่นอกแนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ เมื่อขาดทุนรั่วไหลก็ต้องถือเป็น “ความเสียหาย”ที่ต้องตรวจสอบ ไม่ใช่“ค่าใช้จ่าย”ในการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่เหมือนการประกันราคาพืชผลทั่วไป จะมาพูดว่าเป็นนโยบายที่ผ่านสภาแล้วต้องมีเอกสิทธิ์ถือเป็นผิดไม่ได้เลยนั้นไม่ถูกต้อง แม้จะชนะเลือกตั้ง แม้จะผ่านสภา แต่ถ้าเป็นนโยบายเถื่อนนอกรัฐธรรมนูญและขาดทุน ก็ต้องถือเป็นความเสียหาย ที่คนรับผิดชอบมีหน้าที่ต้องตรวจสอบความรับผิดของผู้เกี่ยวข้องเสมอ

ถาม กฎหมายกำหนดให้ใครมีหน้าที่ตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการรายงานผลให้ตนสั่งการ

ตอบ กรณีนี้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นระดับ รัฐมนตรี กฎหมายกำหนดให้ นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการโดยพลัน ถ้าไม่สั่งการก็โดน 157 ถ้าปล่อยจนขาดอายุความ นายกฯตู่ก็ต้องใช้เงิน เป็นแสนล้านแทนยิ่งลักษณ์

ถาม เขาบอกว่า นายกฯตู่ทำไปโดยมุ่งกำจัดทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ชอบธรรมที่นายกฯยึดอำนาจ กระทำต่อนายกฯที่ถูกยึดอำนาจ

ตอบ นี่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐประหาร จะเป็นนายกฯมาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหารก็ต้องทำหน้าที่นี้ทั้งนั้น จะไปบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมืองไม่ได้

ถาม เขาบอกอีกว่า ฟ้องปูต่อศาลอาญาแล้วทำไมไม่รอผลในคดีอาญา มาสั่งการให้รับผิดทางละเมิดเลยได้หรือ?

ตอบ รอไม่ได้...อายุความละเมิดมันเดินแล้ว เดินตลอดเวลาด้วย จะให้ นายกฯตู่ รอผลคดีอาญาจนขาดอายุความได้อย่างไร คุณเห็นว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ผิด ก็ให้เขาอุทธรณ์ต่อศาลปกครองไปสิครับ จะมาห้ามนายกฯตู่ไม่ให้ทำงาน จนตัวเขาติดคุกหรือรับผิดเพราะละเว้นหน้าที่จนคดีขาดอายุความได้อย่างไร

ถาม พอออกมาอัดกันขรมอย่างนี้ ...อาจารย์กลัวนายกฯประยุทธ์ จะมืออ่อนตีนอ่อนไหม

ตอบ คดีนี้เป็นจุดชี้ขาดสำคัญมาก ว่าท่านจะแยกออกหรือไม่ระหว่างงานตามจินตนาการที่ท่านมุ่งมั่นเอาเองว่าจะรัฐประหารเพื่อเป็นกรรมการปรองดอง กับงานปกครองประเทศที่ท่านได้ตัดสินใจล่วงเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย ซึ่งเป็นงานที่ต้องทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองชี้ถูกผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ประการหลังนี้จะผิดถูกอย่างไร ท่านก็ต้องชี้ไปตามเหตุผล ไม่ผิดก็อธิบายมา ผิดก็อธิบายมา ไม่ต้องแหยง ไม่ต้องสะดิ้ง ไม่ต้องกลัวเสียงสะท้อนอะไร นี่เป็นการทำตามกฎหมายไม่ใช่การทำรัฐประหาร

 

 

ตอนที่ ๒ คำพิพากษายืนยันให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ความเสียหาย : ศาลมั่ว ???

 

ความรับผิดของนายกรัฐมนตรีในคดีรับจำนำข้าว

ถาม ราชการบ้านเมืองเสียหายเป็นแสนล้านจากโครงการที่รัฐบาลผลักดันออกมา คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดทางละเมิดใช้ค่าเสียหายด้วยหรือครับ

ตอบ การวางนโยบายรับซื้อข้าวราคาประกันทุกเมล็ด แล้วผลักดันโครงการออกมาเป็นตัวเป็นตนนั้น เป็น “การกระทำทางรัฐบาล” ที่ คนเป็นนายกฯต้องรับผิดทางการเมืองต่อรัฐสภาและประชาชน กฎหมายไม่เกี่ยว ไปให้เขารับผิดอะไรไม่ได้ ถ้าคุณไปให้ นายกฯยิ่งลักษณ์รับผิดในทางนโยบาย เขาจะต้องรับผิดในความเสียหายเป็นแสนล้านทั้งโครงการเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับใด ใครจะต้องร่วมเฉลี่ยชดใช้บ้างนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถาม แล้วอะไรคือ “การกระทำทางปกครอง” ที่เจ้าหน้าที่อาจต้องรับผิดในทางละเมิดต่อความเสียหายที่เกิดกับรัฐได้

ตอบ การวางนโยบายเป็นเรื่องรัฐบาลคือ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ส่วนงานปฏิบัติอันเป็นงานจัดการให้สำเร็จลุล่วง (Administrative) งานระดับนี้กฎหมายเรียกว่า“การกระทำทางปกครอง” มีกระทรวง กรม และ จังหวัด รับปฏิบัติภายใต้การสั่งการและกำกับดูแลของ คณะกรรมการนโยบายข้าว มีนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นประธาน

ถ้ามีความผิดพลาดในงานระดับนี้จนเกิดความเสียหายและผู้เกี่ยวข้องมี “ความรับผิด” กฎหมายละเมิดทางปกครองจะเข้ามากำหนดให้เกิดการชดใช้ทันที ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับไหนก็ตาม

ถาม อะไรคือความผิดพลาดทางปกครองที่ศาลปกครองพิพากษาว่า นายกฯต้องร่วมรับผิด

ตอบ มันมีความรั่วไหลมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ศาลปกครองสูงสุดหยิบยกขึ้นมาในคดีให้นายกฯยิ่งลักษณ์ในฐานะ คณะกรรมการนโยบายต้องร่วมรับผิด คือเรื่องการระบายข้าวโดยทุจริต เกิดความเสียหายกว่าสองหมื่นล้าน

ถาม มันทุจริตกันอย่างไรครับ

ตอบ มันมีตัวการเป็นเสี่ยโรงสีพิจิตร ขึ้นตรงเจ๊ใหญ่เชียงใหม่ ตั้งบริษัทส่งออกข้าว เริ่มหากินขายโควต้าข้าวของกระทรวงพาณิชย์ส่งเงินให้พรรค พอมีโครงการบ้านเอื้ออาทรก็รับงานขายโควต้าโครงการกว่าหมื่นสี่พันล้านบาทให้บริษัทรับเหมาทั้งหลาย ส่งเงินเข้าพรรคอีก งานเอื้ออาทรนี้ผมตามเส้นทางเงินก็พบว่าส่งเงินออกนอกไปเลย เข้าใจว่าน่าจะฟอกกลับมาเป็นเงินส่งออกข้าว

ถาม แล้วเขาเข้ามาทุจริตอะไรในการระบายข้าวนี้

ตอบ โครงการนี้รัฐรับซื้อและรวบข้าวเปลือกไปสีไปเก็บไว้ทั้งตลาดเลย แต่ข้าวสารในตลาดภายในก็ยังมีขาย เหตุเพราะมีการระบายข้าวออกมาตลอด ทำโดยโรงสีทุจริตแอบเอาข้าวดีไปขายซื้อข้าวเลวมาแทนก็มี แต่ที่ทำโดยการระบายข้าวเป็นทางการก็มาก แต่ที่มีแบบทุจริตก็คือ ซื้อออกไปโดยไม่มีการประมูลแข่งขันตามระเบียบ อ้างว่าเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน แต่ความมาแดงถูกเปิดโปงทั้งในสภา และ ใน ปปช.ว่างานนี้จีนไม่รู้เรื่องเลย เสี่ยพิจิตรเอาลูกน้องมาอุปโลกน์เป็นตัวแทนบริษัทจีนทั้งสิ้น ได้ข้าวราคาถูกไปแล้วก็เอามาขายในตลาดภายใน กำไรเป็นสองหมื่นล้าน คดี“จีทูจีจอมปลอม”ล๊อตแรกนี้นี่เองที่ ปปช. ส่งคดีขึ้นศาลคดีอาญานักการเมือง จนต้องโทษกันหมดตั้งแต่ยิ่งลักษณ์ ลงมาเลย รวมทั้งเสี่ยพิจิตรนั่นด้วย

ถาม แล้วยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดที่ตรงไหนครับ เธอไม่ได้ร่วมมือด้วยเลย ฝ่ายกระทรวงพาณิชย์ต่างหากที่ร่วมลงมือกัน

ตอบ ศาลคดีอาญานักการเมืองระบุว่า แม้จะไม่ได้ลงมือสั่งการอะไรด้วย แต่เธอรู้เธอเห็นว่าเขาทำอะไรกันอยู่ แล้วนิ่งเงียบพยายามอยู่ห่างๆ เข้าประชุมด้วยครั้งเดียวเท่านั้น แต่ศาลก็เห็นว่าเธอหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ จึงตัดสินลงโทษว่าละเว้นหน้าที่โดยทุจริต ผิด 157 ให้ติดคุก 5 ปี ซึ่งเธอก็หนีไปเสียแล้วจนปัจจุบัน

ถาม แล้วในคดีละเมิด เธอต้องรับผิดเพราะอะไร

ตอบ การทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทั้งๆที่ร้องเรียนกันระงม หลายฝ่ายส่งจดหมายทักท้วงจนเห็นกันจะจะแล้วอย่างนี้ ถ้าเป็นคนมีความรับผิดชอบก็ต้องสั่งตรวจสอบและระงับได้แล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงเห็นว่า ผู้ร้องมีความประมาทเลินเล่อในระดับร้ายแรง ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายสองหมื่นล้านนี้ ถึง๕๐% ในที่สุด

ถาม เห็นเธอต่อสู้ว่าได้ส่งเรื่องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบแล้วนะครับ

ตอบ ศาลเห็นว่าทำแค่นี้ไม่สมกับความรับผิดชอบที่เป็นถึงประธานคณะกรรมการนโยบายไม่ใช่เป็นแค่นายกรัฐมนตรีที่อาจทำได้แค่กำกับดูแล ส่งเรื่องให้เจ้ากระทรวงเท่านั้น

ถาม ความรับผิดชอบที่ลงมานั่งเป็นประธานเองอย่างนี้ จึงมากกว่าเป็นแค่นายกรัฐมนตรี

ตอบ ถูกต้องครับ การให้นายกฯ ไปนั่งเป็นประธานในงานทางปกครอง เช่นเป็นประธาน กตร. หรือประธานคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร อย่างนี้นี่แหละครับ ที่ทำให้คนเป็นนายกฯมีหน้าที่ทางปกครองเข้มงวดขึ้นมา

เหตุผลในคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดครั้งนี้จึงฟังได้สำหรับผม มันไม่ใช่มีอะไรก็เหมาใส่นายกฯหมด อย่างที่วิจารณ์กัน

ถาม แล้วที่ทนายเขาจะขอให้พิจารณาใหม่ เพราะปัจจุบันเราเอาข้าวค้างโกดังมาขายจนบรรเทาความเสียหายไปได้มาก นายกฯปูจึงไม่ต้องรับผิดชอบมากถึงขนาดนั้นแล้วอาจารย์เห็นด้วยไหม

ตอบ ฟังไม่ขึ้นครับ ศาลฟังเอาผิดเฉพาะข้าวส่วนที่เอาไปขายขาดทุนตามสัญญา จีทูจีจอมปลอมนั่นเท่านั้น มาวันนี้ข้าวที่เหลือจะมีความเสียหายอีกเท่าใด ระบายจนลดความเสียหายไปได้บ้างหรือไม่ ขายถูกเกินไปหรือเปล่าก็ไม่ใช่ประเด็นในคดีครับ

 

ศาลมั่ว..ตัดสินเกินคำขอ???

ถาม นายกฯปู เขาร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ศาลเห็นว่าไม่ถูกต้องจนพิพากษาเพิกถอนแล้ว แล้วมาเติมให้ต้องรับผิดทางโน้นทางนี้อีกทำไม มันไม่เกินคำขอหรือครับ

ตอบ คำสั่งกระทรวงการคลัง ที่เอาไปโต้แย้งในศาลนั้น ผมมองว่ามีสองส่วนครับ

ส่วนแรก คือความรับผิด ที่กระทรวงน่าจะบรรยายความไม่รับผิดชอบไว้กว้างขวางมาก จนศาลปกครองกลางไม่เห็นด้วยมาแล้ว แต่ศาลปกครองสูงสุดชี้มาตรงที่สัญญาจีทูจี เท่านั้นว่าในฐานะที่เป็นคณะกรรมการนโยบายจะละเว้นไม่สนใจถึงขนาดนี้ไม่ได้

ส่วนที่สอง เห็นว่าความเสียหายในเรื่องระบายข้าวจีทูจีจอมปลอมนั้น มีจำกัดชัดเจน ๒ หมื่นล้าน แต่จะเหมาให้ยิ่งลักษณ์รับเละคนเดียวนั้นไม่ถูกต้อง ศาลปกครองสูงสุดจึงให้รับไปครึ่งหนึ่งในที่สุด แล้วมันผิดที่ตรงไหน

ถาม ผมเห็นในคำพิพากษาศาลใช้คำว่า ให้เพิกถอนคำสั่งในส่วนที่เกิน ๑ หมื่น พูดอย่างนี้ก็คือตัดสินให้ลดค่าเสียหายนั่นเอง

ตอบ ถูกต้องครับ คลังบอกว่าให้ยิ่งลักษณ์รับผิดทั้งหมด ยิ่งลักษณ์บอกตนไม่ต้องรับผิดเลย ศาลบอกว่ารับครึ่งเดียว ตัดสินอย่างนี้ผมก็ว่าก็ถูกแล้ว ศาลในคดีปกครองมีอำนาจไต่สวนแล้วชี้ว่าอะไรถูกอะไรผิดนะครับ ชี้ได้โดยไม่ต้องถูกผูกมัดให้ตัดสินไปตามกรอบคำคู่ความที่สร้างรูปคดีขึ้นมาตามทัศนะของตนแต่อย่างใด

ใจคอคุณจะให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง แล้วให้กระทรวงสั่งใหม่จนกว่าจะถูกต้องซักวันหนึ่งอย่างนั้นหรือ เรื่องของประโยชน์สาธารณะอย่างนี้ จะฝากให้คู่ความเล่นเกมส์กันแบบคดีแพ่งไม่ได้นะครับ

ถาม สรุปว่า...อะไรคือบทเรียนในคดีนี้

ตอบ การลงทุนซื้อคนจนได้อำนาจ แล้วเชิดให้น้องสาว หรือลูกสาว มานั่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยตนเองอยู่หลังฉาก ทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจนเขาต้องรับผิดในบั้นปลายเช่นนี้ คนที่รังแกเขาจริงๆคือตัวพี่หรือพ่อนั่นแหละ ไม่ใช่คณะรัฐประหารหรือศาลที่ไหนหรอกครับ