นายสมชัย เสิร์ฟประสิทธิ์พันธุ์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ลงนามใน ประกาศกรมการปกครอง เรื่อง การรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. .... ลงประกาศ ณ วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ระบุว่า
ด้วยกรมการปกครองอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. .... โดยมีหลักการสำคัญ เพื่อเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสมาคมและมูลนิธิ ที่ต้องมีขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงเพื่อควบคุมการดำเนินกิจการสมาคมและมูลนิธิให้กระทำการอันต้องด้วยกฎหมาย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 93 ตรี มาตรา 13 และมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ประกอบกับข้อ 9 ของกฎกระทรวงการพิจารณาการฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2564
การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการจัดทำกฎหมาย ซึ่งจะรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (www.law.go.th) ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานราชการเฉพาะกิจ กรมการปกครอง โทรศัพท์ 02-239-8555
สำหรับการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ชื่อการรับฟังว่า "โครงการการรับฟังความคิดเห็นประกอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ..." โดยมีผู้ได้รับผลกระทบ คือ สมาคม มูลนิธิ ประชาชน
สำหรับความเป็นมา สภาพปัญหาและเป้าหมาย ระบุว่า การประชุมหารือแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับสมาคม มูลนิธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การพนันออนไลน์ ตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 และการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของคนต่างด้าว ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 มีมติให้กรมการปกครองดำเนินการเกี่ยวกับสมาคม มูลนิธิ พิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสมาคม มูลนิธิ
โดยให้เพิ่มรายละเอียดเงื่อนไข ดังนี้
1. ยกเลิกความในส่วนที่ ๒ สมาคม และส่วนที่ ๓ มูลนิธิ มาตรา ๗๘ ถึง มาตรา ๑๓๖ ในหมวด ๒ นิติบุคคล ลักษณะ ๒ บุคคล แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และความใน
หมวด 2 ความผิดเกี่ยวกับสมาคมและมูลนิธิ มาตรา ๔๙ ถึงมาตรา ๖๙ แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙
2. กำหนดบทนิยาม เงื่อนไข และวิธีการจดทะเบียนสมาคมและมูลนิธิ ให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งขึ้น
3. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมและมูลนิธิ เพื่อสามารถตรวจสอบได้และมีลักษณะเหมาะสมกับการดำเนินกิจการของสมาคมและมูลนิธิ
4. กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับและพิจารณาอุทธรณ์สมาคมและมูลนิธิ เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับและพิจารณาอุทธรณ์สมาคมและมูลนิธิ เพื่อตีความในการบังคับใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นไปในทางเดียวกันและเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการกำกับและพิจารณาอุทธรณ์สมาคมและมูลนิธิเป็นที่สุด
5. กำหนดให้มีบทลงโทษ กรณีสมาคมหรือมูลนิธิดำเนินกิจการในลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ และมีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน และกรณีของผู้ที่เป็นกรรมการสมาคมหรือมูลนิธิแล้วแต่กรณีมีพฤติการณ์หรือกระทำการให้สมาคมหรือมูลนิธิเสื่อมเสียประโยชน์ โดยให้มีโทษทางอาญา โทษทางปกครอง และโทษทางพินัย โดยพิจารณาตามความหนักเบาแห่งพฤติการณ์และหลักความเป็นธรรมต่อประชาชนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ที่มา : การรับฟังความคิดเห็นประกอบการเสนอร่าง พ.ร.บ.สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ....