วุฒิสภาไฟเขียว “สุชาติ–มนูภาน” นั่ง ป.ป.ช. ฝ่าเสียงท้วงปมฮั้ว สว.

24 ธ.ค. 2568 | 07:02 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2568 | 07:13 น.

วุฒิสภาประชุมลับเห็นชอบ “สุชาติ สุนทรีเกษม-มนูภาน ยศธแสนย์”นั่งกรรมการ ป.ป.ช. ท่ามกลางเสียงคัดค้าน สว.จำนวนมากอยู่ในกระบวนการสอบคดีฮั้วเลือกตั้ง เสี่ยงครอบงำองค์กรอิสระ

KEY

POINTS

  • ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบให้ นายสุชาติ สุนทรีเกษม และ นายมนูภาน ยศธแสนย์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. คนใหม่
  • การลงมติดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจาก สว. กลุ่มอิสระ ที่แสดงความกังวลเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์
  • ข้อกังวลหลักเกิดจากการที่ สว. จำนวนมากกำลังถูกสอบสวนในคดีฮั้วเลือก สว. ซึ่ง ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว

วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 2 คน

ผู้ได้รับการเสนอชื่อประกอบด้วย

นายสุชาติ สุนทรีเกษม อดีตผู้พิพากษาศาลอาญา เสนอให้ดำรงตำแหน่งแทน นายวัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.

นายมนูภาน ยศธแสนย์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เสนอให้ดำรงตำแหน่งแทน นางสุวณา สุวรรณจูฑะ

ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่การลงมติ คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ซึ่งมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธาน ได้รายงานผลการตรวจสอบต่อที่ประชุม โดยวุฒิสภาใช้เวลาพิจารณารายงานดังกล่าวเป็นการลับนานกว่า 1 ชั่วโมง

จากนั้น ที่ประชุมได้กลับเข้าสู่วาระการลงมติด้วยการออกเสียง ลับ ปรากฏผลว่า

นายสุชาติ สุนทรีเกษม ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 150 เสียง

นายมนูภาน ยศธแสนย์ ได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบ 162 เสียง

ทั้งสองรายได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา จึงถือว่าที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.

อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงมติดังกล่าว มีการอภิปรายคัดค้านจาก สมาชิกวุฒิสภากลุ่มอิสระ โดยเฉพาะ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ซึ่งแสดงความกังวลต่อการที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน อาทิ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 3 คน จากทั้งหมด 7 คน

กรรมการ ป.ป.ช. 2 คน จากทั้งหมด 9 คน และยังอยู่ระหว่างการสรรหาเพิ่มเติมอีก 2 คน

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน จาก 9 คน

น.ส.นันทนา ระบุว่า บุคคลที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบจะกลายเป็น “เสียงข้างมาก” ในองค์กรอิสระ ขณะที่ในเวลาเดียวกัน สังคมกำลังรับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ คดีฮั้วเลือก สว. มากขึ้น ทั้งจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งฟ้องผู้เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินและอั้งยี่จำนวน 8 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีสมาชิกวุฒิสภารวมอยู่ด้วย 

รวมถึงกรณีที่ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำสั่งให้ กกต. ชี้แจงข้อกล่าวหา 10 ประเด็น และนัดตรวจคำฟ้องในวันที่ 27 มีนาคม ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า สมาชิกวุฒิสภาถึง 138 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้วเลือก สว. โดยสำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. ซึ่งทำให้เกิดข้อกังวลเรื่อง การขัดกันแห่งผลประโยชน์ หากวุฒิสภายังคงเดินหน้าเห็นชอบบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรอิสระที่มีอำนาจตรวจสอบการเลือกตั้งและคดีทุจริต

น.ส.นันทนา ระบุในการอภิปรายว่า หาก กกต. วินิจฉัยคดีฮั้ว สว. ออกมาเป็นคุณกับผู้ถูกร้อง หรือหากการตรวจสอบการเลือกตั้ง สส. เป็นคุณกับพรรคการเมืองบางฝ่าย ประชาชนจะตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมและความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมเรียกร้องให้วุฒิสภา ยุติการใช้อำนาจในการคัดเลือกองค์กรอิสระทั้งหมด เพื่อป้องกันข้อครหา

ภายหลังการลงมติให้ความเห็นชอบกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งสองรายแล้วเสร็จ ประธานในที่ประชุมได้สั่ง ปิดการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญทันที