"สุดารัตน์" ค้านใช้งบ 5 แสนล้าน แจกเงินดิจิทัล แนะแจกเงินสดล็อกเป้าแค่คนจน

25 เม.ย. 2567 | 05:53 น.

"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์"  เชื่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ต่างจากโครงการคนละครึ่ง สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจไม่ได้ ดึง GDP ไม่เกิน 2 ไตรมาส - แนะนำงบ 5 แสนล้านไป ล็อกเป้าแจกเงินสดคนยากจน-พัฒนาโครงสร้างประเทศ แทนดีกว่า

วันนี้(25เม.ย.67) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาลว่า หากเป็นพรรคไทยสร้างไทย พรรคฯ จะไม่แจกเงิน แต่จะแจกเครดิตตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท เพื่อนำไปกู้เป็นทุน ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว

และยังเห็นว่า ดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ยังมีจุดอ่อน ได้ไม่คุ้มเสีย และจะไม่มีใครรับผิดชอบต่อความเสียหายของนโยบาย ที่ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพายุหมุนได้ เพราะเงิน 500,000 ล้าน คือเงินกู้ และเป็นภาษีอากรของประชาชน แม้จะมีการเลี่ยงบาลีโดยกันเงินจากเงินเหลือจ่าย จากงบประมาณปี 2567 ทั้งที่ยังไม่ได้มีการใช้จ่ายจริง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

จนจะคำนวณได้ว่าเหลือจ่ายเท่าใด และยังเป็นการตั้งงบประมาณเกินดุล เกินกว่ารายได้ก็ต้องมีการกู้ และยังต้องกู้จากธนาคาร ธกส. จึงถือเป็นภาระของประชาชนชั่วลูกชั่วหลาน

และโครงการดังกล่าว ก็ยังมีเสียงสะท้อนจากประชาชน ที่นโยบายไม่ได้แตกต่างจากนโยบายคนละครึ่ง ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เปลี่ยนจากการทยอยแจก เป็นการให้เงินก้อน และนำไปแลกเป็นสินค้า แต่ประชาชน ต้องการเงินสด เพราะประชาชนที่ขายของตามตลาด หรือขายตามทางเท้า ต้องการกระแสเงินสด ที่สามารถได้เงินเข้าบัญชีได้ทันที เพื่อหมุนไปซื้อสินค้ามาขายต่อ แต่เมื่อใช้เงินดิจิทัล ก็ต้องนำไปแลกเป็นของอีกครั้ง จึงกลายเป็นว่า นโยบายคนละครึ่งดีกว่าเงินดิจิทัล

ดังนั้น ถ้ารัฐบาล ยังยืนยันที่จะแจก ควรแจกไปที่คนยากจน และจ่ายเป็นเงินสด เพื่อให้มีสภาพคล่องในการใช้จ่าย และไม่หมุนเพียงรอบเดียวและไปจบที่บริษัทห้างร้านใหญ่ ๆ แม้ GDP จะดีขึ้น

แต่ก็กลายเป็นว่าปั้มขึ้นมา 1-2 ไตรมาสและจบ หรือนำเงิน 500,000 ล้าน ไปแก้ปัญหาโครงสร้างของประเทศ ทั้งด้านการศึกษา พลังงาน สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งใช้งบประมาณน้อย แต่สามารถดึงดูดการลงทุน ทำให้เกิดกำลังซื้อใหม่ และเศรษฐกิจจะโตอย่างยั่งยืน จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ