เปิดประวัติ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ขุนพลเศรษฐกิจ ครม.เศรษฐา1

07 ก.ย. 2566 | 04:24 น.

ในครม.รัฐบาลเศรษฐา1 ชื่อของ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในขุนพลด้านเศรษฐกิจส่งตรงจากพรรคเพื่อไทย ต่อไปนี้เป็นโปรไฟล์และประวัติการทำงานบนเส้นทางการเมืองของเขา

 

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย (พท.) จากจังหวัดเชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2518 ปัจจุบันอายุ 48 ปี เป็นบุตรชายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี(สมัยนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์) และนางเพ็ชรี อมรวิวัฒน์ นอกจากนี้ เขายังเป็นหลานของพลตำรวจเอก สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ

ประวัติการศึกษา

จุลพันธ์สำเร็จการศึกษา คว้าปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ (MBA) จากวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานะทางครอบครัว สมรสแล้วกับนางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บนเส้นทางการเมือง

จุลพันธ์ หรือที่รู้จักในนาม "สส. หนิม" อมรวิวัฒน์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ติดต่อกันถึง 5 สมัย โดยเขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 ในนามพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ โดยสามารถเอาชนะยงยุทธ สุวภาพ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น สส.คนเดียวของประชาธิปัตย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 30 ปี

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ชัยชนะ 4 ครั้งต่อมา คือ

  • การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550 จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคพลังประชาชน
  • การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย
  • การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย
  • และล่าสุด การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย

จุลพันธ์ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ โดยในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 เขาได้เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ ที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านวังจ๊อม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ต่อมาในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นปีที่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ในนามพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 เขาได้รับตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย”  มีบทบาทสำคัญในการอภิปรายผลงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจเป็นพิเศษ

เช่น ล่าสุดในการอภิปรายในการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีกลางเดือนก.พ.2566 จุลพันธ์เสนอแนะให้พล.อ.ประยุทธ์ ยุติบทบาทนายกฯ เพราะสร้างความเสียหายให้ไทยหยั่งรากลึกถึงระบบโครงสร้าง คนไทยหนี้สินเพิ่มขึ้น อีกทั้งปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อไทยพุ่งสูงในรอบ 24 ปี ทำคนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย คนไทยจนลง ขณะที่ 6 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าในทุกๆ ตัว และการปรับลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลประโยชน์กลับไม่ได้ตกถึงประชาชน ทำให้เกิดผลที่ตามมาคือ ราคาพลังงานพุ่ง เพิ่มค่าไฟ และราคาอาหารแพงขึ้น และยังเป็นรัฐบาลที่ก่อหนี้มากกว่ารัฐบาลอื่นๆ หลายเท่า มีหนี้สินเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อครัวเรือน ค่าแรงขั้นต่ำถูกแช่แข็ง มา 8 ปี จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ไปเรียนรู้นโยบายจากพรรคเพื่อไทยที่ทำได้จริง

ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค. 2566 ขณะที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้พรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ จุลพันธ์ยังสามารถคว้าชัยชนะอย่างเหนียวแน่น ได้เข้าเป็นสส.ในสภาเป็นสมัยที่ 5 โดยเขาเป็นหนึ่งในสอง สส. จังหวัดเชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ (อีกคนคือ ศรีโสภา โกฎคำลือ)

ตำแหน่งทางการเมือง

  • อดีตกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร
  • อดีตกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร
  • อดีตกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร

หนึ่งในขุนพลเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย สส.5 สมัย จังหวัดเชียงใหม่

ร่ำรวย 73 ล้าน มีที่ดิน 47.3 ล้าน

ในการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณี ส.ส.พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แจ้งมีทรัพย์สินรวมคู่สมรส 73,336,490 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้นเพียง 70.04 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายจุลพันธ์ 54,691,584 บาท เป็นเงินฝาก 48,134 บาท ที่ดิน 47,376,783 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6,666,666 บาท ยานพาหนะ 4.5 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 1.5 แสนบาท มีหนี้สิน 70.04 บาท

ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สิน 18,644,906 บาท เป็นที่ดิน 1.5 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9 ล้านบาท ยานพาหนะ 1,420,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,384,906 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 5,340,000 บาท เป็นกระเป๋าถือ 7 ใบ 2.3 ล้านบาท นาฬิกาข้อมือ 7 เรือน 3,040,000 บาท

ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ แจ้งถือครองหุ้นในบริษัท โชคเจริญพร จำกัด 11,000 หุ้น ได้มาปี 2561 และบริษัท เจียงฮาย มาร์เก็ต จำกัด 500 หุ้น ได้มาปี 2562 ส่วนคู่สมรสถือหุ้นบริษัท เจียงฮาย มาร์เก็ต จำกัด จำนวน 1,000 หุ้น ได้มาปี 2562 แต่มิได้ระบุมูลค่า

คำมั่นสัญญา

หนึ่งในภารกิจเร่งด่วน

ในฐานะรัฐมนตรีช่วยคลัง ตามที่นายจุลพันธ์ ประกาศไว้บน เฟซบุ๊กส่วนตัว คือเตรียมเดินหน้าลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันและราคาค่าไฟทันทีเพื่อลดภาระให้กับประชาชนและส่งเสริมการดำเนินการทางเศรษฐกิจ (การผลิตและการขนส่ง) ตามที่พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นไว้ ทั้งนี้ จะดำเนินการทันทีในการประชุมครม. ครั้งแรก หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (11 ก.ย.)

พร้อมกันนี้ ยังให้คำอธิบายไว้ด้วยว่า ลดราคาน้ำมันทันที หมายถึง

  • ลดราคาน้ำมันดีเซล ทันทีโดยใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิต
  • ระยะต่อไปจะเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อปรับโครงสร้างราคาและภาษี ให้ราคาปรับลดลงอย่างยั่งยืน
  • ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน จะมีการพิจารณาช่วยเหลือชดเชยแบบเฉพาะกลุ่ม

ส่วนการลดค่าไฟทันที นั้น จะใช้กลไกการยืดการชำระหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปก่อน ในช่วงที่ต้นทุนไฟฟ้ายังสูงอยู่ เพื่อลดภาระที่ซ้ำเติมต้นทุนไฟฟ้า

จะทำได้ตามคำมั่นสัญญาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายตั้งตาติดตาม รอเช็กผลงานอย่างแน่นอน