“สุชาติ” ซัด “พิธา” อย่าเป็นเด็กเรียกกินอมยิ้ม กดดันพรรคการเมือง - ส.ว.

17 พ.ค. 2566 | 07:59 น.

“สุชาติ ชมกลิ่น” ซัด “พิธา” กดดัน ทุกพรรคการเมือง – ส.ว. โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่าเหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียว ต้องดูเหตุผล ทุกพรรคมีจุดยืนชัด ไล่ต้องไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จุดยืนของพรรค รทสช. หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภาโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีการกดดันให้ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน ว่า

เรื่องนี้ต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนกลับไปบ้าง เพราะเหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ ต้องดูเหตุและผล ที่ผ่านมาผู้ใหญ่หลายพรรคก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าแต่ละพรรคมีจุดยืนมีนโยบายพรรคของตนเอง จะไปแหกข้อบังคับพรรคเขาอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีนโยบาย และจุดยืนเป็นของตัวเองที่ไปหาเสียง แม้ประชาชนจะเลือกเขามา 1-2 ล้านเสียง ก็มาเพราะนโยบายนี้ ถ้าไปช่วยคนที่นโยบายไม่เหมือนกันแล้วจะอยู่กันอย่างไร

“การมาเรียกร้องทุกพรรคการเมืองช่วยโหวตนั้น เป็นเรื่องของก้าวไกลเองที่ต้องไปคุยกันเอง และขอใจเย็นๆ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเมื่อรับรองส.ส.แล้วจะได้จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคจึงตอบแทนไม่ได้ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีนโยบายหรือความคิดตรงกับพรรคก้าวไกล ตนจะไปอยู่กับเขาได้อย่างไร เขาได้คะแนน 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 14 ล้านเสียง ได้ไม่ถึงครึ่ง”

นายสุชาติ ยอมรับว่า การที่ส.ส.จะไม่โหวตให้ ไม่ใช่การไม่เคารพเสียงจากประชาชน ใช่หรือไม่นั้น ตอนนี้ก้าวไกลมีแค่ 14 ล้านเสียง จาก 40 ล้านเสียง แล้วถ้าคนที่เขาเลือกตนมา 4 ล้านเสียงไม่เอานโยบายพรรคก้าวไกล ถ้าตนโหวตให้นายพิธาแล้วตนจะกลับบ้านได้อย่างไร

ทั้งนี้ขอให้สื่อมวลชนอย่าหลงกลเขา ต้องให้ข่าวความจริงสะท้อนกระจกให้เขาฟัง อย่าให้เขามองว่าเอาตรงนั้นตรงนี้ออกมาช่วย เอาตรงนั้นจะออกมากดดันคุณมีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ มี 14 ล้านเสียง คุณก็ต้องไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ

ส่วนกรณีการเอากระแสสังคมมากดดัน ส.ส. และสว. จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสุชาติ ยอมรับว่า ต้องให้สื่อมวลชนพูดความจริงกับประชาชนว่า ก้าวไกลมี 14 ล้านเสียง ไม่ได้มี 30 ล้านเสียง ถ้าจำเป็นต้องใช้เสียงคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีนโยบายตรงกันแล้วจะไปกันอย่างไร เช่น นโยบายไม่เอาลุง แต่ตนมีลุง แล้วจะไปอย่างไร เพราะคนที่เขาเลือกตนมา ก็เพราะไม่เอาพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้อะไรที่คนไทยรับไม่ได้

เมื่อถามว่า ยังไงก็ไม่รวมกับพรรคก้าวไกลแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุชาติ ยืนยันว่า การเมืองจะมองเป็นของเล่นไม่ได้ การเมืองคือประเทศชาติบ้านเมือง การเมืองคือพี่น้องประชาชน การเมืองคือความยั่งยืนของลูกหลานเราในอนาคต เราจะมองการเมืองเป็นของเล่นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เหมือนไฟไหม้ฟางหรือ มันไม่ใช่ เราต้องมีอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและชัดเจน ไม่ใช่อุดมการณ์ที่จะไปช่วยเขา แล้วมันเกี่ยวอะไร มันไม่เกี่ยวกัน ส่วนตัวมีเอกสิทธิ์ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ทุกคน


ส่วนกรณีพรรคลำดับที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะมีความวุ่นวายตามมาหรือไม่นั้น มองว่า เป็นสิ่งที่พรรคลำดับที่ 1 จะต้องไปคิดเอง จริง ๆ แล้วถ้าเขาได้เกิน 250 เสียง ก็ได้ไป แต่ได้ 151 เสียง ก็ต้องไปขอใคร เขาว่าใครไว้แล้วใครจะไปยอม แต่ละคนก็มีแฟนคลับ

อย่างไรก็ตามหากพรรคไกลไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ แล้วพรรคอื่นมาชวนไปร่วมรัฐบาลนั้น ยอมรับว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคได้ เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลแล้วมาชวน จะโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคลำดับที่ 2 หรือไม่ นายสุชาติ ย้อนถามกลับว่า ต้องถามที่จุดยืนของตนก่อน ว่าคืออะไร ตนไม่เอาพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีนโยบายที่ไปแตะต้องสิ่งที่คนไทยนั้นหวงแหนก็พอแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า พร้อมเปิดช่องให้กับพรรคอื่นยกเว้นก้าวไกลหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแช่แข็งทางการเมือง แต่ถ้าพรรคก้าวไกลเรียกออกมาช่วยเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ คุณด่าเขาทุกวันแล้วเขาจะไปอยู่กับคุณได้อย่างไร และต้องกลับไปถามชาวบ้าน เพราะชาวบ้านเรียกเรามา ตนเองก็ต้องกลับไปถามประชาชน ไม่ใช่พูดเล่นนะ

ส่วนพรรคจะโหวตนายกรัฐมนตรีไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายสุชาติ ยืนยันว่า เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว แต่ขอย้ำว่าต้องกลับไปถามประชาชน และบอกอีกว่า สื่อมวลชนต้องช่วยกัน อย่าไปหลงกลเขาว่า มี 14 ล้านเสียงแล้วเป็นรัฐบาล เขามีเสียงถึงกึ่งหนึ่งหรือไม่ และต้องถามกลับว่า คุณจะรวมเสียงอย่างไร ต้องไปหากันเอง แต่ถ้าจะมากดดัน ส.ส. แต่ถ้าจะมาเรียกร้องส.ส.พรรคต่าง ๆ โหวตให้เขาผ่าน ตนว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การเมือง