ชาวเน็ต วิจารณ์แซ่ด! ระดมรถกันกระสุนรับคณะนายกฯลงนราฯ

11 มี.ค. 2566 | 05:10 น.

ชาวเน็ต วิจารณ์แซ่ด! ระดมรถกันกระสุนรับคณะนายกฯลงนราฯ “หาเสียงหรือตรวจงาน” หวังสร้างกระแสให้พี่น้องประชาชนจำได้

เริ่มมีเสียงวิจารณ์จากชาวบ้านในพื้นที่ที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ มีกำหนดเดินทาง มาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 15 มี.ค.66 ไปตรวจราชการหรือหาเสียง ว่าการลงพื้นที่คณะใหญ่ๆ มีผู้ติดตามจำนวนมาก อาจเป็นการสร้างภาระให้ข้าราชการ และสร้างความอึดอัด กระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของพี่น้องประชาชนหรือไม่ โดยคนที่ออกมาวิจารณ์ก็มีทั้งชาวบ้านที่รู้สึกไม่ค่อยดีจริงๆ กับกลุ่มจัดตั้งที่ออกมาโวยวายหวังผลทางการเมือง

แต่อีกด้านหนึ่งก็เริ่มมีเสียงวิจารณ์จากชาวบ้านในพื้นที่ที่นายกฯลงไปตรวจราชการหรือหาเสียง ว่าการลงพื้นที่คณะใหญ่ๆ มีผู้ติดตามจำนวนมาก อาจเป็นการสร้างภาระให้ข้าราชการ

และสร้างความอึดอัด กระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของพี่น้องประชาชนหรือไม่ โดยคนที่ออกมาวิจารณ์ก็มีทั้งชาวบ้านที่รู้สึกไม่ค่อยดีจริงๆ กับกลุ่มจัดตั้งที่ออกมาโวยวายหวังผลทางการเมือง 

ล่าสุดมีการเผยแพร่ข้อความที่สื่อสารกันทางกลุ่มไลน์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับภารกิจการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสของท่านนายกฯ ในวันที่ 15 มีนาคม   โดยข้อความในกรุ๊ปไลน์ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ระบุว่า “ด้วยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ มีกำหนดเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 15 มี.ค.66 และขอให้จังหวัดจัดรถยนต์กันกระสุนให้กับคณะในการนี้ จังหวัดนราธิวาส

จีงขอรับการสนับสนุนรถยนต์กันกระสุน ประจำตำแหน่งนายอำเภอ เพื่อปฏิบัติภารกิจดังกล่าว โดยให้อำเภอนำรถยนต์กันกระสุนไปส่งให้กับสำนักงานจังหวัดนราธิวาส ภายในวันที่ 13 มี.ค.66 ก่อน 15.00 น. และให้มารับรถยนต์คืนในวันที่ 15 มี.ค.66 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง ฝ่ายปกครองชี้แจงว่าเป็นเรื่องปกติที่เวลามีบุคคลระดับวีไอพีลงพื้นที่ ต้องมีการระดมรถกันกระสุนเพื่อไปปฏิบัติภารกิจรักษาความปลอดภัยให้คณะผู้ติดตาม  แต่ชาวบ้าน และประชาชน กลับมองในแง่ไม่ค่อยดีนัก มองว่าการลงพื้นที่ควรมุ่งเข้าหาชาวบ้านจริงๆ ไม่ควรต้องมาพะวงเรื่องความปลอดภัยมาก และไม่ควรลงมาคณะใหญ่ เพราะทำให้ข้าราชการและชาวบ้านต้องเดือดร้อน โดยเฉพาะต้องไปนำรถกันกระสุนจากข้าราชการไปให้คณะผู้ติดตามนายกฯ ซึ่งก็จะส่งผลให้นายอำเภอไม่มีรถกันกระสุนใช้ อย่างน้อยก็ 2-3 วัน โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มก่อความไม่สงบก็พยายามล็อกเป้าโจมตีข้าราชการระดับสูงด้วย เช่น การลอบวางระเบิดขบวนรถของรองแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทำให้ “เจ้าหน้าที่อีโอดีทหาร” ซึ่งเป็นทีมล่วงหน้า เสียชีวิต 2 นาย