ปชป.เปิด 8 นโยบายเกษตร-ประมง-ชุมชน อัดฉีดเงินอุดหนุน

13 ม.ค. 2566 | 05:46 น.

“จุรินทร์-เฉลิมชัย”นำทีมปชป. เปิด 8 นโยบายเกษตร-ชุมชน ดันต่อประกันรายได้ ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน ชาวนารับ 3 หมื่นต่อครัวเรือน หนุนประมง กลุ่มละ 1 แสนต่อปี ออกโฉนดล้านแปลง ใน 4 ปี อัดฉีดชุมชนแห่งละ 2 ล้านทั้งประเทศ

 

วันนี้(13 ม.ค.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และรมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยเตรียมการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้ร่วมกันแถลงเปิดตัว 8 นโยบายสำคัญทางด้านการเกษตร และ ประมง  

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องถือว่ากำลังเดินเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าวาระไม่ว่าจะเป็นวาระรัฐบาล หรือจะเป็นวาระของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะอยู่ได้ไกลสุดไม่เกินวันที่ 23 มี.ค.2566 ซึ่งหมายความว่าจะเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเศษ ก็จะต้องมีการเลือกตั้ง 


สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความพร้อมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมการด้านตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือ ในส่วนของนโยบาย ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเปิดยุทธศาสตร์หลัก ที่หากประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จะพาประเทศไปสู่อนาคตที่สดใสต่อไป โดยยุทธศาสตร์นั้นก็คือ ยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

“สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

สร้างเงิน คือ ยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นหลายนโยบายที่จะมีรายละเอียดตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายประกันรายได้คนไทยและประกันรายได้ให้กับประเทศ  

 

สร้างคน คือ ยุทธศาสตร์ทางด้านสังคม ซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องของการศึกษา และการสาธารณสุข รวมทั้งเน้นการศึกษาทันสมัย และสวัสดิการตลอดชีพ โดยจะมีการเปิดรายละเอียดต่อไปถัดจากนี้

สร้างชาติ จะเป็นการสร้างชาติด้วยนโยบายสำคัญทางด้านการเมือง ที่จะมุ่งเน้นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปไตยสุจริต ซึ่งจะมีรายละเอียดตามมาต่อไปเช่นเดียวกัน  

                           ปชป.เปิด 8 นโยบายเกษตร-ชุมชน

ส่วนวันนี้จะเป็นการเปิดตัว 8 นโยบายหลักทางด้านการเกษตร และเป็นนโยบายหลักในการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งรวมไปถึงชุมชนในกรุงเทพมหานคร(กทม.) ด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และหมู่บ้านนั้น เป็นนโยบายสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไป และจะนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาชนบทต่อไปในอนาคต  

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางด้านการเกษตร ซึ่งเกษตรกรรมถือเป็นดีเอ็นเอของประเทศไทย และเกษตรกรรมถือเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศต่อไป เพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีประชากรจำนวนไม่ต่ำกว่า 50% ของคนไทยทั้งประเทศที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม 

“เฉลิมชัย”เปิด 8 นโยบาย ปชป.

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การแถลงนโยบายในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พรรคได้ดำเนินการจัดทำนโยบาย และมีการประชุมทั้งในส่วนของคณะกรรมการของพรรคมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 ปี ที่ได้จัดทำและมีการสุ่ม สอบถามความพึงพอใจจากพี่น้องประชาชนด้วย 

เพราะฉะนั้นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่แถลงในวันนี้ ป็นนโยบายเบื้องต้นที่จะสร้างฐานรากของสังคมไทย ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่คะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว

“เราต้องการเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วย โดยนโยบายที่ได้แถลงในวันนี้จะได้มีการชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะในรายละเอียดจะเป็นวิธีดำเนินการปฏิบัติงาน ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้จริง และเป็นนโยบายที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้วย” 

                      ปชป.เปิด 8 นโยบายเกษตร-ชุมชน

ลุยประกันข้าว มัน ยาง ปาล์ม  ข้าวโพด

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นโยบายแรกจะเป็นนโยบายต่อเนื่องจากความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของการประกันรายได้ ซึ่งก็คือ “การประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง” ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และ ข้าวโพด โดยรายละเอียดของการต่อยอดโครงการประกันรายได้นั้น จะเน้นในส่วนของเงินส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกร 

ชาวนารับครัวเรือนละ3หมื่นบาท

นโยบายที่ 2 เป็นนโยบายสำหรับพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.7 ล้าน 4.8 ล้านครัวเรือน “ชาวนารับ 30,000 บาท ต่อ 1 ครัวเรือน” ซึ่งในรายละเอียดจะมีการแถลงในภายหลังอีกครั้ง 

“ยืนยันได้ว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ทำนโยบายตรงนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนา ให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง มากกว่าที่จะให้เงินไปเพื่อให้เขาไปเลือกเรา นโยบายตรงนี้จะเป็นนโยบายที่สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวนา และเป็นการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” 

นมโรงเรียนฟรี365วัน

นโยบายที่ 3 ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เป็นที่ชัดเจนที่สุดว่าเรื่องนี้เป็นการพัฒนาเด็ก พัฒนาบุคลากรที่ประเทศชาติต้องใช้ในวันข้างหน้า และที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่จะให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมนั้น สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคนมให้กับเด็กไทย หลังจากที่ได้ทำมาแล้ว 280 วัน 

                              ปชป.เปิด 8 นโยบายเกษตร-ประมง-ชุมชน อัดฉีดเงินอุดหนุน

หนุนประมงกลุ่มแสนบาทต่อปี

ในส่วนของประมงนั้น วันนี้เรามีกลุ่มประมงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า  2,800 แห่ง กลุ่มประมงเหล่านี้ คือ กลุ่มประมงที่เป็นฐานรากของประเทศ ดังนั้น นโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างความเข้มแข็งในฐานราก ก็คือ การให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปี ทุกกลุ่ม ทั้ง 2,800 กว่ากลุ่ม 

“ผมเรียนฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกร ประมง ได้เลยว่า ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ท่านได้รับทันที ทั้ง 2,800 กลุ่ม วันนี้เนี่ยเราสามารถจัดสรรงบประมาณ ผมเป็นรัฐมนตรีขอได้แค่ประมาณปีละ 200 กลุ่ม ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เพียงพอจะพัฒนาศักยภาพ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์จึงมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มประมง มีความเข้มแข็งในตัวเอง”

ในส่วนของประมงพาณิชย์นั้น เราจะ “ปลดล็อค ประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU” วันนี้พี่น้องชาวประมงได้ร้องเรียนว่ามีความเดือดร้อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ และสภาผู้แทนราษฎรก็รับฟัง มีการยื่นในการแก้ไขกฎหมายที่เป็นธรรม แต่การปลดล็อคตรงนี้ต้องอยู่ภายใต้ IUU เพราะว่าเรายังต้องอยู่กับสากลอยู่กับนานาประเทศ                               

ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงใน 4 ปี

ปัญหาอีกอย่างที่เป็นปัญหาของพี่น้องคนไทย คือ ที่ดินทำกิน ดังนั้นอีกนโยบายที่ประชาธิปัตย์เสนอ ก็คือ การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของพี่น้องที่ไม่มีที่ดินทำกิน อยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า 

และอีกส่วนก็คือ หากพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ และตรงนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งก็จะมีหลายส่วน หลายรูปแบบ แต่รูปแบบต่างๆ จะได้แถลงในรายละเอียดภายหลัง  

                              ปชป.เปิด 8 นโยบายเกษตร-ชุมชน

อุดหนุนชุมชนแห่งละ 2 ล้านทั่วไทย 

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นโยบายที่มีความสำคัญและก็เป็นหัวใจของการที่จะทำให้ฐานรากของเรา ชุมชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็นองค์กรระดับฐานรากมีความเข้มแข็งก็คือ ธนาคารหมู่บ้าน และชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครทุกชุมชนด้วย 

“จะเป็นการชัดเจนที่สุดว่า ความเข้มแข็งของประเทศ ต้องเกิดจากความเข้มแข็งของฐานราก เราแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ได้แก้ไขปัญหาโหวตเตอร์ในวันนี้ เพราะฉะนั้นนโยบายทั้งหมดในวันนี้ จึงเป็นนโยบายส่วนหนึ่งที่เราเอามาเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ประชาธิปัตย์จะทำอะไรให้ท่านบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า” 

ส่วนนโยบายที่ได้ประกาศในวันนี้จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาได้เพียงพอหรือไม่ นายเฉลิมชัย ชี้แจงว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่เราคิดแล้ว แต่จะต้องมีมาตรการควบคู่ ไม่ใช่มีเพียงมาตรการนี้อย่างเดียว ตนจึงบอกว่าเดี๋ยวจะมีภาค 2 และจะต้องมีการจัดการควบคู่ เพื่อที่จะให้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยไปเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนา ทั้งในส่วนของพันธุ์ข้าว การลดต้นทุน และการเพิ่มผลผลิต สิ่งเหล่านี้จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป 

ขณะที่ นายจุรินทร์ ชี้แจงด้วยว่า วันนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายทั้งหมด ไม่ได้แปลว่า นโยบายรณรงค์หาเสียงประชาธิปัตย์เที่ยวนี้มีแค่ 8 นโยบายนี้ 
ส่วนของนโยบายรายภาค พรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป เพราะนโยบายภาคจะมีเฉพาะของแต่ละภาคในเรื่องสำคัญๆ  

สำหรับนโยบายที่แถลงในวันนี้จะนำงบประมาณมาจากแหล่งใดนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่จะเรียนให้ทราบต่อไป แต่พรรคได้คิดครบแล้ว และเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองที่ต้องแจ้ง กกต. ทราบในเรื่องที่มาของเงิน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง ประชาธิปัตย์คิดนโยบายทั้งหมดบนพื้นฐานของสิ่งที่ได้ทำมาแล้ว และทำได้จริง ซึ่งอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัครของแต่ละภาค และ กทม.ว่า  ผู้สมัคร กทม. คงเปิดตัวได้ไม่เกินช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่ได้กำหนดไทม์ไลน์ และช่วงเวลาไว้แล้ว ส่วนภาคเหนือ อีก 2-3 วันนี้ จะเปิดตัว และยังมีภาคอื่นๆ อีก 
“ตอนนี้ถือว่าในเรื่องของผู้สมัคร ประชาธิปัตย์มีความพร้อมมากแล้ว ถือว่ามากทีเดียว แล้วก็จะส่งครบทั้ง 400 เขต”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลต่อการที่มีพรรคการเมืองเปิดตัวไป และมีคนจากประชาธิปัตย์ย้ายไปสังกัดหลายคน จะทำให้ถูกแชร์คะแนน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่ทราบอยู่นานแล้ว และประชาธิปัตย์ก็มีผู้สมัครเตรียมการไว้แล้ว ไม่ได้กระทบเป้าหมายหลัก ไม่กระทบเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่เดิม