"มาดามเดียร์"ลั่นต้องแก้ปัญหาทุจริตต้นตอความล้าหลัง

09 ธ.ค. 2565 | 11:42 น.

ปชป.เปิดเวที “ถึงเวลาหยุดคนโกง หยุดงบประมาณรั่วไหล” ด้าน "มาดามเดียร์" ลั่นจริงใจแก้ปัญหาทุจริตต้นตอความล้าหลัง ขณะที่ “จุรินทร์”ย้ำคอร์รัปชันเป็นภัยต่อประชาธิปไตย เรียกร้องช่ยขจัดอย่าให้เป็นเงื่อนไขการยึดอำนาจอีก

 

วันที่ 9 ธ.ค. 65 เวลา 15.30 น. ที่ลานกิจกรรมสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี พรรคประชาธิปัตย์จัดกิจกรรม “ฟัง-คิด-ทำ : ถึงเวลาหยุดคนโกง หยุดงบประมาณรั่วไหล” เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล โดยมีการเปิดเสวนามุมมองจากภาควิชาการ การเมือง และภาคธุรกิจ ประกอบด้วย

 

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)  ศ.ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอสซี)  นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อีกไม่กี่วันจะมีการเลือกตั้งในปี 2566 จึงเป็นที่มาในการจัดกิจกรรม ฟัง-คิด-ทำ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและปัญหาของประชาชน และจะนำไปประมวลเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ 


วันนี้ ( 9 ธ.ค.65 ) เนื่องในวันต่อต้านการคอร์รัปชันสากล พรรคการเมืองถือเป็นสถาบันที่สำคัญในการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ในขณะที่ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในหลุมดำ เช่นเดียวกับหลายประเทศ ที่ไม่สามารถพัฒนาได้ เพราะปัญหานี้ซึ่งเป็นปัญหาที่นำไปสู่ความล้าหลัง  
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจ และเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน และให้ความจริงจังกับการทำให้เกิดความโปร่งใส โดยเฉพาะในการเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะเกิดขึ้น 


ด้าน ดร.มานะ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกเซอร์ไพร์ส ซึ่งตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ตนเคลื่อนไหวเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชัน น่าจะเป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองจัดเวทีแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ที่กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชัน ส่วนหัวของปัญหาคือ ภาคของการเมือง เพราะภาคการเมืองมีอำนาจในการกำหนดนโยบายสาธารณะ มีอำนาจกำหนดงบประมาณ รวมถึงการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ทุกวันนี้ประเทศไทยมีแผนงานด้านการต่อต้านการคอร์รัปชันจำนวนมาก แต่ไม่มีการปฏิบัติจริง  


อีกทั้งรากฐานของการคอร์รัปชันที่เอาชนะไม่ได้ คือ การทำอะไรแล้วไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร อีกปัจจัยสำคัญของการคอร์รัปชัน คือ วัฒนธรรมในระบบราชการ ที่ยังชินชากับการคอรัปชัน การรับส่วย รับสินบน 


ส่วน ดร.อรรถกฤต มองว่า การทุจริตคอร์รัปชันขึ้นอยู่กับการผูกขาดธุรกิจและการเมือง การใช่ดุลพินิจของระบบราชการและการเมืองในการตัดสินใจทำนโยบายต่างๆ ซึ่งการจะทำให้การคอร์รัปชันลดลง คือ ต้องมีองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบ โดยประเทศไทยมีองค์กรในการตรวจสอบจำนวนมาก แต่มีประสิทธิภาพหรือไม่ 


สามารถดูได้จากการจัดอันดับของหน่วยงานนานาชาติ จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทย อยู่ในระดับต่ำลง ดังนั้น จะเห็นว่ากลไกองค์กรอิสระของประเทศไทยจึงอาจจะยังมีปัญหาอยู่ เพราะการจัดอันดับของประเทศไทยค่อนข้างได้คะแนนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้ต่ำสุด 

 

แผนนโยบายของชาติต้องการทำให้ดีขึ้น แต่ยังทำไม่ได้ การเพิ่มคะแนนเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยอาจจะต้องใช้กลไกหรือองค์ประกอบของต่างประเทศในส่วนที่จำเป็นมาประยุกต์ เช่น กรณีไต้หวัน ที่มีการทำแพตฟอร์มร่วมกันภาคเอกชน ภาคประชาชนในการเปิดเผยข้อมูล ดังนั้น จึงมองว่าใช้ระบบดิจิตอลมาช่วยในการจัดการข้อมูลจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ระดับการทุจริตลดลงได้ 


ขณะที่นายสาทิตย์ ระบุ ต้องยอมรับว่า นักการเมืองโอกาสก็จะเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณ และเรื่องของอำนาจ แต่ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองก็เป็นฝ่ายที่จะตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันเช่นกัน 


พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยทำมาในอดีตที่เห็นได้ชัด เช่น การตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และเมื่อถามว่าเรื่องทุจริตคอร์รัปชันลดลงหรือไม่ จากข้อเท็จจริงต้องตอบว่าไม่ลดลง ตนเป็น ส.ส.มา 7 สมัยตั้งแต่ปี 38 ผ่านรัฐบาลมา 10 รัฐบาล ผ่านการรัฐประหาร 2 รอบ ตนมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันมีวิวัฒนาการ


หากย้อนไปดูในยุคก่อนเดิมทีการทุจริตคอร์รัปชัน เกิดจากการรวมอำนาจไว้ที่คนใดคนหนึ่ง แล้วให้สัมปทาน หรือ อนุญาต ซึ่งก็จะแปรสภาพไปเป็นการคอร์รัปชันได้ แต่เมื่อมีการสร้างเครื่องมือขึ้นมาเพื่อไปคานกับการรวมศูนย์ การทุจริตคอร์รัปชันจึงมีการวิวัฒนาการ เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและยากที่ประชาชนจะสามารถติดตามตรวจสอบได้ 


และปัจจุบันการคอร์รัปชันก็ได้มีวิวัฒนาการไปอีก เพราะตนมองว่าการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะจำกัดความ แต่การคอร์รัปชันเป็นเรื่องของการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่ยอมจ่ายและคนที่ยอมรับ จึงทำให้จึงทำให้ยากที่จะมีคนออกมาพูด ยกเว้นว่าจะมีคนเสียประโยชน์ 

                                      "มาดามเดียร์"ลั่นต้องแก้ปัญหาทุจริตต้นตอความล้าหลัง
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ความน่ากลัวของการทุจริตคอร์รัปชัน คือ เรื่องของเมกกะโปรเจค โดยเฉพาะเรื่องของการจัดทำราคา และนำไปสู่การฮั้วประมูล ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายฮั้วมานาน แต่ที่ผ่านมาแทบไม่เห็นว่ามีคดีเกี่ยวกับการฮั้วถูกฟ้อง และอีกกรณีที่ต้องจับตามอง คือ กรณีตู้ห่าว 


ที่เป็นอีกหนึ่งที่ต้องจับตามองในการเลือกตั้งครั้งหน้าเมื่อประเทศไทยเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยเงินสด ตั้งแต่การเลือกตั้งท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ เพราะกรณีตู้ห่าวสัมพันธ์ทั้งเรื่องของยาเสพติด เรื่องของบ่อนพนัน มีการสมคบกับระบบราขการ ระบบการเมือง มีวงเงินหมุนเสียนจำนวนมาก โดยเป็นเงินสีเทาและสีดำ ดังนั้นเมื่อเป็นประชาธิปไตยเงินสด เงินสีเทากับเงินสีดำเหล่านี้จะไปไหน และที่ผ่านมาเราไม่เคยเจอ กกต. จับกรณีทุจริตซื้อเสียงได้ชัดเจน บางกรณีกว่าจะขึ้นศาลตัดสินได้ กว่าจะเลือกตั้งซ่อมได้ผ่านไปหลายปี 


นายสาทิตย์ ยังด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล เราเซนซิทีฟกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมาก และมองว่าเจตจำนงความมั่นคงแน่วแน่ของผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อมีข้อสงสัยว่า จะเกิดการทุจริตใจโครงการใด การตัดสินใจของผู้นำเป็นสิ่งที่จำเป็น 


และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการตรวจสอบ ป.ป.ช. เพราะที่ผ่านมาองค์กรอิสระมีข้อครหาว่า มาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ อีกทั้งยังเคยถูกยกขึ้นเป็นเงื่อนไงในการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วย แต่ก็น่าเสียดายร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับดังกล่าวถูกรัฐสภาตีตกไป อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป 


นายอิศเรศ กล่าวว่า ในส่วนของเอกชนที่เป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกสู่ตลาด ผลกระทบที่เกิดจากการคอร์รัปชัน ก็เป็นต้นทุนที่แฝงอยู่ในการผลิตสินค้าและบริการ เพราะหากต้นทุนการผลิตไม่สามารถสู้คู่แข่งไม่ได้ รวมถึงเรื่องของสิ่งที่เป็นโควตา หรือสัมปทาน การเข้าถึงหากมีการคอร์รัปชันเข้ามา ก็จะทำให้การเข้าถึงมีการได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมนั้น มองเรื่องของความสามารถในการแข่งขันเป็นเป้าหมายหลัก และอะไรที่ทำให้ไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งได้นั่นคือปัญหา 


เรื่องของการคอร์รัปชันนั้น เป็นปัญหาหนึ่งที่จะต้องแก้ไข และเรื่องคอร์รัปชันต้องเป็นนโยบายของพรรคการเมือง เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องของทฤษฎีสมประโยชน์นั้นเป็นเรื่องจริง โดยมี3 ส่วน คือ ภาคการเมือง เอกชน และราชการ เนื่องจากการจะได้ใบอนุญาตหรือเวลาที่รวดเร็วแต่ละครั้ง ภาคเอกก็ต้องใช้วิธีการจ่ายให้กับราชการ ซึ่งการที่ราชการจะทำสิ่งนี้ได้ก็ต้องผ่านฝ่ายการเมืองมาก่อน ดังนั้นหากฝ่ายการเมืองได้คนดี คนเก่ง ไม่มีประวัติด่างพล้อยเข้ามาบริหาร ทฤษฎีสมประโยชน์นี้ก็จะไม่สำเร็จ


ส่วนนายสุรพงษ์ กล่าวถึงปัญหาการจ่ายเงินใต้โต๊ะ โดยได้เล่าถึงเรื่องการประมูลโครงการภาครัฐ ว่า การประมูลโครงการของรัฐ ภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งที่ผ่านมา BTS ได้ร่วมการประมูลและชนะการประมูลอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด 


แต่ที่ผ่านมา เมื่อไม่นานมานี้ มีอยู่หนึ่ง โครงการ คือ โครงการ รถไฟฟ้า สายสี ส้ม บีทีเอสได้เข้าไปร่วมประมูล แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ โครงการนี้ได้เปิดประมูลเมื่อเดือน พ.ค.ปี 2563 โดยมีการขายซองให้ผู้ประมูลแล้ว 10 ราย รวมถึง บริษัท บีทีเอส แต่ระหว่างที่ยังไม่ได้ยื่นซอง ก็มีการเปลี่ยนข้อกำหนด หลักเกณทีโออาร์ ซึ่งปกติไม่เคยเจอเรื่องลักษณะนี้ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องแปลกและอาจจะไม่โปร่งใส บีทีเอส จึงยืนฟ้องต่อศาลปกครอง ก่อนศาลจะมีคำสั่งคุ้มครอง ซึ่งหมายความว่าให้กลับไปใช้เงื่อนไขเดิม 

                                "มาดามเดียร์"ลั่นต้องแก้ปัญหาทุจริตต้นตอความล้าหลัง
และในช่วงท้าย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้จัดขึ้นโดยทีม กทม. และเป็นกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ซึ่งเกิดขึ้นโดยอนุสัญญาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2546 เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ จึงจะทำให้เห็นได้ขัดว่าปัญหาการทุจริตไม่ได้เป็นปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาสากลที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ และแน่นอนในไทยยังเป็นพื้นที่หนึ่งที่ยังถือว่ามีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอยู่  


โดยในส่วนของความคิดเห็นที่เกิดขึ้นในกิจกรรมวันนี้ เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องนำไปดำเนินการ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคการเมืองพรรคหนึ่งของประเทศ ที่ดำรงมาอย่างยาวนาน ได้เห็นความสำคัญอย่างยิ่งของการทุจริตคอร์รัปชันและความซื่อสัตย์ ซึ่งถือเป็นอุดมการณ์สำคัญ ใน 10 ข้อ ที่ได้มีการประกาศมาตั้งแต่จัดตั้งพรรค ว่าจะดำเนินการเมืองบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน และได้มีการยึดมั่นมาตลอดเวลา 76 ปี และจะยึดมั่นตลอดไปไม่มีวันเสื่อมคลาย 


“วันที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ได้ยื่นเงื่อนไข 3 ข้อ โดย 1 ข้อ คือ ต้องดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่พรรคยึดมั่นมาเสมอไม่ใช่เฉพาะการเข้าร่วมรัฐบาลชุดนี้ ทั้งนี้พรรคประขาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน และหัวหน้าพรรคทุกคนไม่มีใครมีปีญหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ เพราะนี่เป็นอุดมการณ์ที่ยึดถือยึดมั่นมาตลอดเวลา”  

 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชัน คือ การสมคบคิดและสมคบทำ ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากไม่สมคบการคอร์รัปชันเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการทุจริตจะปรบมือข้างเดียวไม่ดัง และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาให้สามารถบรรลุผลได้ เพราะจะให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาแก้ไขนั้นทำได้ยาก  


อีกทั้งเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน ที่นอกจากจะเป็นภัยต่องบประมาณของประเทศ กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ยังเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยของประเทศอีกด้วย เพราะการรัฐประหารแต่ละครั้ง มักจะมีการหยิบยกเอาเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชันมาเป็นเงื่อนไขทุกครั้ง จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันขจัดภัยนี้ให้หมดไป อย่าให้เรื่องการทุจริตเป็นเครื่องมือในการกวักมือเรียกวงจรอุบาทว์กลับมาอีก และพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่าย