“กรณ์”ควง 2 ผู้สมัครส.ส.ภูเก็ต ชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ยกระดับสินค้าชุมชน

13 พ.ย. 2565 | 08:46 น.

ทำงานทันที! “กรณ์-วรวุฒิ”ควง 2 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภูเก็ต ชาติพัฒนากล้า "เทมส์-อรทัย" ลงพื้นที่ยกระดับสินค้าชุมชนพรีเมียม พบสตาร์ทอัพท่องเที่ยววางแผนธุรกิจ

หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นายเทมส์ ไกรทัศน์ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางไปยัง ศูนย์การเรียนรู้การทำผ้าบาติก “ยิ่งบาติคเพนท์” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป 5 ดาว ที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต 


โดยกลุ่มนายพิสิฐ เทพทอง ได้ริเริ่มและพัฒนาผ้าบาติกมาตั้งแต่ปี 2530 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของผ้าบาติก จากนั้นได้มีการพัฒนาลวดลายให้ทันสมัย และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเพื่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายกรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์บาติกมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่สานต่อ และโดยส่วนตัวแล้ว ตนก็ได้ทำโครงการข้าวอิ่มมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ช่วยชาวนา จ.มหาสารคาม และนำมาเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการนำบรรจุภัณฑ์เป็น ผ้าขาวม้ามหาสารคาม มาสู่ กระจูดนครศรีธรรมราช

 

และในโอกาสครบรอบ 9 ปี ก็จะนำผ้าบาติก จ.ภูเก็ต มาตกแต่งบรรจุภัณฑ์ให้พรีเมียม เป็น 1 ช่องทางที่จะช่วยผู้ประกอบการโอทอป เอสเอ็มอีได้

ด้านนายวรวุฒิ กล่าวว่า ปัญหาของเอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการรายย่อย คือ ช่องทางการตลาด และไม่ได้มีการตั้งราคาเพื่อการเตรียมขายในปริมาณมาก ราคาปลีกกับราคาส่งจึงไม่สัมพันธ์กัน ทั้งที่ฝีมือระดับประเทศ หากไปวางขายในห้างใหญ่ หรือ ในต่างประเทศ จะมีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัว 


ตอนนี้ยังไม่ได้เน้นในการขายออนไลน์มากนัก อาจเป็นเพราะกลัวการเลียนแบบ ซึ่งความจริงแล้ว สามารถสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากผ้าบาติกที่อื่นคือ เขียนลายด้วยมือ ทั้งกระบวนการ 

 

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กลุ่มสตาร์ทอัพ ด้านการท่องเที่ยวภูเก็ต  ขอเข้าพบนายกรณ์ เพื่อขอคำปรึกษาด้านธุรกิจ โดย นายกรณ์ กล่าวกับกลุ่มสตาร์ทอัพ ว่า ทุกคนร่วมมือกันสู้ เพื่อให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่สามารถทำได้มากกว่านี้คือ ภูเก็ตต้องเป็นแซนด์บ็อกซ์ 
สำหรับโปรเจ็กต์สตาร์ทอัพของคนทั่วโลกไม่ใช่แค่คนภูเก็ตเท่านั้น 

 

เพราะจะทำให้ภูเก็ตเป็นเป้าหมายของคนเก่ง และกลายเป็นอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพ และสุดท้ายคนเก่งในภูเก็ตเองที่จะได้ประโยชน์ อีกเรื่องที่สำคัญคือ คนภูเก็ตพร้อมที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เพียงแต่หาวิธีจูงใจให้เขากลายเป็นนักลงทุนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ