กล้ารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยจะพัฒนา มองมุม”กรณ์ จาติกวณิช”    

18 ต.ค. 2565 | 16:12 น.

เปิดมุมมอง ”กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กับแนวทาง "กล้ารื้อ" โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ "ไทยจะพัฒนา "

แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการยุบสภาเมื่อไหร่ แต่เชื่อได้ว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2566 คือ ปีหน้าอย่างแน่นอน จับสัญญานหลายพรรคเริ่มขยับประกาศเตรียมพร้อมจัดทัพรับเลือกตั้ง กันอย่างคึกคัก 

 

เริ่มต้นก่อนใคร คือ พรรคกล้า ที่หัวหน้าพรรค กรณ์ จาติกวณิช ยกทีมไปร่วมกับพรรคชาติพัฒนา รีแบรนด์พรรคใหม่เป็น “ชาติพัฒนากล้า” ซึ่งได้มีการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคกันไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจาก เทวัญ ลิปตพัลลภ ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

 

พร้อมกับแสดงสปิริตเสนอชื่อ กรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรคแทน และได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น แบบไม่มีคู่แข่ง และไม่มีบัตรเสียแม้แต่ใบเดียว

กล้ารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยจะพัฒนา มองมุม”กรณ์ จาติกวณิช”    
 

เรียกว่า “เอกฉันท์” แบบไร้ข้อกังขา โดยเทวัญ ได้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค เพื่อดูแลประสานงานในทางการเมือง ให้หัวหน้า “กรณ์” เป็นแม่ทัพลุยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในช่วงที่ประเทศเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ 

 

เช็คชื่อ ดูทีมเศรษฐกิจ ของพรรคชาติพัฒนากล้า เชิงชั้น ต้องบอกว่าแต่ละคนไม่ธรรมดา หอบหิ้วประสบการณ์ ผ่านการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เริ่มจาก ประธานพรรค สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประสบการณ์ทำงานการเมือง 35 ปี เป็นรัฐมนตรีมา 9 ครั้ง 

 

ส่วนหัวหน้าพรรค ไม่ต้องพูดเยอะ ได้รับการยอมรับจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศให้เป็นรัฐมนตรีคลังโลก เมื่อปี 2553  จากการผนึกกำลังกับ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พูดง่าย ๆ ก็เจ้านายของ กรณ์ ในสมัยนั้น ร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤตการเงินโลกแฮมเบอร์เกอร์ โดยใช้มาตรการ "ไทยเข้มแข็ง" จนประสบความสำเร็จ ก่อนประเทศอื่น

 

มาหนนี้ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและนโนบายหาเสียงเลือกตั้ง 

กล้ารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยจะพัฒนา มองมุม”กรณ์ จาติกวณิช”    
 

นอกจากนี้ยังมี วรวุฒิ อุ่นใจ มือเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กระดับต้นของประเทศ และอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ก็ได้นั่งเก้าอี้ รองหัวหน้าพรรค และ วัชรพล โตมรศักดิ์ ที่เชี่ยวชาญทางด้านกีฬา หนึ่งในภารกิจหลักของพรรค

 

ขณะที่ ผศ.ดร.เอราวัณ ทัพพลี   ได้เป็นรองเลขาธิการพรรค และเติมความเก๋าเกมด้านเศรษฐกิจด้วยการ ตั้ง พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีพลังงาน เป็นที่ปรึกษาพรรค 
พลันที่โครงสร้างของพรรคชัดเจน

 

กรณ์ จาติกวณิช ได้ประกาศชัดเจนว่า วิกฤตประเทศครั้งใหญ่ที่คนไทยประสบอยู่ในขณะนี้ ทั้งจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด มาเจอภาวะสงครามซ้ำ กลายเป็นมหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่จะทำให้ประเทศไทยไปไม่รอดถ้าไม่รีบแก้อย่างเร่งด่วนและถูกวิธี  ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องกล้าลุกขึ้นมารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศกันใหม่ทั้งระบบ และการจะเปลี่ยนแปลง

กล้ารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ไทยจะพัฒนา มองมุม”กรณ์ จาติกวณิช”    

เรื่องที่มีปัญหายืดเยื้อเรื้อรังมานาน จะต้องอาศัยความกล้า คือ กล้าคิด ในเรื่องที่คนอื่นไม่เคยคิด เราต้องสร้างงานใหม่ๆ อีกเป็นล้านตำแหน่ง 

 

งานแห่งอนาคตที่จะสร้างรายได้ให้คนไทย ไม่ว่าจะด้วย Creative Economy หรือสร้างให้คนไทยเป็นเซลล์แมนขายของออนไลน์ไปทั่วโลก กล้าทำ ในเรื่องยากๆ ปรับการคำนวณฐานภาษีใหม่ ลดภาระให้มนุษย์เงินเดือนจ่ายภาษีน้อยลง เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า กล้าชน กับบริษัทยักษ์ใหญ่ รื้อโครงสร้างพลังงานใหม่ ให้คนไทยใช้พลังงานถูกลง ลดต้นทุนผู้ประกอบการลดปัญหาของแพง

 

กล้าริเริ่ม ตั้งบริษัทเพื่อผลิตภัณฑ์การเกษตรแต่ละชนิดแบบครบวงจร เช่น บริษัทข้าวหอม ใช้มืออาชีพมาช่วยสร้างตลาด วิจัยพัฒนา สร้างมูลค่า เพิ่มราคา เพิ่มอำนาจการต่อรอง เพิ่มขนาดตลาด เพิ่มรายได้ โดยชาวนาชาวไร่ทุกคนเป็นหุ้นส่วน และสุดท้ายคือ กล้าตัดสินใจ ให้รัฐเล็กลงด้วยเทคโนโลยี หรือ Gov Tech ทำให้คนเข้าถึงได้ด้วยมือถือ ง่ายในการรับบริการ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำงานด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีจะให้ผลที่แม่นยำและรวดเร็ว เราจะพุ่งไปข้างหน้าได้ไวขึ้น 

 

“ ผมเชื่ออย่างสุดใจว่า ประเทศไทยเราสามารถกลับมามีเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูอีกครั้งได้ คนไทยร่ำรวยได้ เป็นมนุษย์ทองคำได้ แค่ต้องมีความกล้า และลงมือทำ คนไทยรวยได้ ชาติพัฒนาได้ ต้องกล้ารื้อโครงสร้างเศรษฐกิจของใหม่เพื่อเอื้อให้กับคนตัวเล็ก” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

 

ส่วนนโยบายพรรคนั้น จากการให้สัมภาษณ์ของ กรณ์ จาติกวณิช  หลังเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยออกตัวว่า พรรคเพิ่งมีโครงสร้างชัดเจน ในส่วนของนโยบายของพรรคต้องหารือกันอีกครั้งเพื่อลงรายละเอียด แต่ในภาพรวมคือตอนนี้เราไม่ได้มองว่าพรรคชาติพัฒนากล้า จะเป็นพรรคขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

 

แต่สิ่งที่เราคิดคือเราคิดถึงเป้าหมายประเทศไทยในภาพใหญ่คือ ประเทศไทยเวลานี้ ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงาน ต้องทำให้น้ำมัน และค่าไฟฟ้า ลดลง  ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องอาศัยความกล้า เพราะระบบที่ฝังรากลึกมานาน อย่างระบบราชการ ไม่ได้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว 

 

“ พรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคการเมืองของคนทุกวัย เรามองว่าพื้นฐานของสังคมไทยสามารถที่จะเรียนรู้จากกันและกันได้ การที่เราจะมาจำกัดตัวเองว่า เป็นพรรคของคนรุ่นเก่า หรือพรรคของคนรุ่นใหม่ มันทำให้เสียโอกาสในการที่คนต่างวัยจะช่วยกันทำงานและเรียนรู้จากกันและกันได้ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ คนไทยทุกคนรวยขึ้นได้ เศรษฐกิจดีได้  ปากท้องดีได้ ตื่นเช้ามาไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง จะมีข้าวกินไหม ลูกมีเงินไปโรงเรียนไหม นี่คือประเด็นที่เราหายใจเข้าออกทุกวันเพื่อหาคำตอบโนโยบายแก้ปัญหาให้คนไทยทุกคน”หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวย้ำ   

 

บริบทของสังคมไทยในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้พรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีแม่ทัพที่ชื่อ “กรณ์ จาติกวณิช” จะไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตามดูกันยาว ๆ