"นิกร"เชื่อ"กกต."มีโอกาสพลิก ใช้สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100

25 ก.ค. 2565 | 07:06 น.

"นิกร"มั่นใจกฎหมายลูก เสร็จในสัปดาห์นี้ เชื่อ"กกต."มีโอกาสพลิกกลับใช้สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 เผย"ฝ่ายค้าน-กมธ."เห็นแย้ง รอยื่นศาลรัฐธรรมนูญเคาะ

วันที่ 25 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ให้สัมภาษณ์กรณีความคืบหน้าในการจัดทำกฎหมายลูก ว่า ต้องทำให้เสร็จเพราะเหลือเวลาอีกไม่มากและต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ส.ค.

 

หากไม่เสร็จตามรัฐธรรมนูญต้องมีการกลับไปใช้ในร่างเดิมคือร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นการหาร 100 ทั้งนี้ หากเราดึงข้ามไปแปลว่าสภาฯ ทำงานไม่เสร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่จะออกไปทางใดทางหนึ่งก็ต้องเสร็จ และต้องส่งไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อรอ กกต.เสนอความเห็นกลับมา โดยจะหาร 100 หรือหาร 500 ก็ค่อยว่ากัน ดังนั้น เชื่อว่าจะไม่ให้มีปัญหาจนถึง 15 ส.ค.
 

  นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา

เมื่อถามว่า หลังจากสภาฯ มีการพลิกมติของกมธ.เสียงข้างมาก จากสูตรหาร 100 เป็นหาร 500 จะมีการเดินหน้าต่ออย่างไร และจะมีการปรับแก้มาตราใดหลังมาตรา 24 ที่กระทบหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตอนที่แก้ตนได้เตือนแล้วว่าจะเกิดปัญหา ทั้งนี้ หากมีคนโยงไปถึง ส.ส.พึงมีก็จะมีการพ่วงเป็นหาร 500 ซึ่งเมื่อหาร 500 ก็จะสัมพันธ์กันไปหมด

 

แต่หากมีการเกิดใบแดงขึ้นก็จะมี ส.ส.หายไป 1 คน ซึ่งเมื่อหายไป 1 คน ที่แบ่งไว้ว่าพึงได้ก็จะเคลื่อนไปหมด โดยจะทำให้มีปัญหามาก และขณะนี้เรายังเหลืออีก 8 มาตราที่ต้องพิจารณา โดย 2 - 3 มาตราที่เหลือจะมีปัญหา ซึ่งปัญหาในเรื่องดังกล่าวกมธ.เสียงข้างน้อยไม่ได้มีการเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และข้ามไปที่มาตรา 24 เลย ดังนั้น จะกลับไปที่มาตรา 23 ไม่ได้
 

นายนิกร กล่าวต่อว่า ฉะนั้น ในการประชุมวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) กมธ.จะไม่สามารถเรียกประชุมก่อนหน้านี้ได้ เพราะถือว่าทำงานเสร็จไปแล้ว และสภาฯ จะต้องมีมติโดยรัฐสภาให้ กมธ.ไปคุยกันนอกรอบ ซึ่งจะไปแก้อย่างไรก็ไม่ทราบ

 

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ส.ค.ตนเชื่อว่า กกต.มีโอกาสที่จะกลับมาหาร 100 มากกว่า เนื่องจาก กกต.เสนอให้มีการใช้ 100 หารมาตลอด อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาที่ กกต.ชี้ว่าไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ ก็จะต้องกลับไปหาร 100 เหมือนเดิม

 

หาก กกต.แย้งกลับมาสภาก็จะมี 2 ทาง คือ สภาจะเห็นตาม กกต.โดยสภาจะมีเวลาแก้ไขภายใน 30 วัน หรืออีกทางคือยึดตามมติสภาเหมือนเดิมคือหาร 500 หากยืนยันตามนั้นก็จะไปเจออีกด่านคือการเสนอให้มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีกลุ่มที่รอยื่นศาลรัฐธรรมนูญอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มฝ่ายค้าน และ กมธ.ที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ


 
เมื่อถามว่า กรณีที่มีความเห็นว่าระบบเลือกตั้งจะกลับมาใช้บัตรใบเดียว ตามข้อกฎหมายสามารถเป็นไปได้หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่ในทางการเมืองนั้นทำไม่ได้

 

อย่างไรก็ตาม ในทางกฎหมายก็เป็นไปได้ยาก เพราะเวลาของสภาเหลือน้อย ทั้งนี้ หากมีการแก้ก็จะต้องมีการเสนอร่างเข้ามาใหม่และจะต้องมีการตั้ง กมธ.รวมถึงจะต้องมีการแก้กฎหมายลูกอีก แต่ที่ตนเห็นว่าทำไม่ได้คือ ในทางการเมืองเราจะไปบอกประชาชนอย่างไรที่จะกลับไปเป็นเช่นนั้น และทาง ส.ว.ก็คงไม่กล้า เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขาเนื่องจากเป็นการเลือกตั้งของ ส.ส.

 

ฉะนั้นพรรคเล็กตนก็เห็นว่าไม่พอที่จะมีการเสนอเข้ามาใหม่ เนื่องจากต้องใช้รายชื่อ 100 คน และพรรคการเมืองอื่นก็มีการแก้เป็นบัตร 2 ใบ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า เวลาที่เหลืออีก 2 วัน คือวันที่ 26 - 27 ก.ค.กฎหมายลูกจะเสร็จไม่ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งกฎหมายพรรคการเมืองไม่มีปัญหาอะไรมาก ปัญหาเดิมที่เรามีคือความเห็นของ ส.ว.ในการทำไพรมารีโหวต