“ก้าวไกล-ประชาชาติ”ลุยต่อยื่นป.ป.ช.ฟัน“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”ปมซุกหุ้น

20 ก.ค. 2565 | 10:03 น.

“ปกรณ์วุฒิ”ชี้“ศักดิ์สยาม”แจงไม่เคลียร์ แสดงหลักฐานขายหุ้น 120 ล้าน แต่ หจก.ยังเป็นหนี้ 69 ล้าน ไม่เปลี่ยน ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนมือ “ก้าวไกล”ผนึก“ประชาชาติ”เตรียมยื่นป.ป.ช.ฟันปมซุกหุ้น 

วันนี้(20 ก.ค.65) ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงการชี้แจงกรณีซุกหุ้นให้ “นอมินี” ถือกิจการแทนของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ว่า  นายศักดิ์สยาม ได้ชี้แจงกรณีที่ตนได้อภิปรายไป และมีการแสดงหลักฐานว่า มีการจ่ายเงินโอนหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จริงในราคา 120 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งตนได้อภิปรายไปว่า หจก.ที่มีสินทรัพย์มีรายได้มากขนาดนี้ การซื้อขายกันแค่ 120 ล้านบาท ในราคาทุนมันดูไม่สมเหตุสมผล 


อย่างไรก็ตาม เมื่อขายไปแล้ว หจก.แห่งนี้ก็กลับมาได้งานของกระทรวงคมนาคม ในขณะที่ นายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งอยู่ มูลค่าเป็น 1,000 ล้านบาท ซึ่ง นายศักดิ์สยาม จะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะขายกิจการเท่าไร ตรงนี้ก็เคารพ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ แต่ส่วนที่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ ประชาชนคงจะตัดสินได้เอง ว่าการกระทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวด้วยว่า อีกประเด็นที่ตนเองได้ทิ้งไว้ในการอภิปรายคือ ถ้ามีการโอนเงิน 120 ล้านบาท แล้วมันหายไปไหนจากบัญชีทรัพย์สินของท่าน เพราะการซื้อขายนั้น เกิดขึ้นประมาณ 16 เดือน ก่อนที่จะมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท่านั้น 


และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการโอนเงินค่าหุ้นงวดแรกก่อนที่จะโอนหุ้นจริงๆ ถึง 5 เดือน ซึ่งเป็นการซื้อขายที่แปลกมาก คือจ่ายเงินก่อน แต่ยังไม่มีการโอนหุ้นให้กัน ต้องเชื่อใจกันมากแน่ 

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ หจก.แห่งนี้ ท่านรัฐมนตรีขายหรือโอนออกไปต้นปี 2561 ซึ่งถ้าย้อนไปดูปลายปี 2560 หจก.แห่งนี้ เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการ 69 ล้านบาท คือหมายความว่าก่อนที่จะโอนหุ้นออก นายศักดิ์สยาม เป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ 69 ล้านบาท แต่พอถึงสิ้นปี 2561 จำนวนหนี้ยังเขียนเหมือนเดิมว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 69 ล้านบาท ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว ก็เลยสงสัยว่ามีการโอนหนี้ออกไปหรือเปล่าตอนที่มีการขายหุ้นกัน


นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า ตนจึงสงสัยว่า ตอนที่ขายหุ้นกันมีการโอนหุ้นออกไปหรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 กรณี คือ


1.ถ้าขายกันที่ 120 ล้านและโอนหนี้ให้กับผู้จัดการคนใหม่ แปลว่า นายศักดิ์สยาม ได้กำไรจากการขายกิจการนี้ 69 ล้านบาท ต้องยื่นภาษี แต่นายศักดิ์สยามไม่ได้ยื่น  


2.ถ้านายศักดิ์สยามไม่ได้โอนหนี้ออกไปแปลว่า หนี้นี้เป็นหนี้สินส่วนตัวของนายศักดิ์สยาม และต้องยื่นบัญชีต่อป.ป.ช. ซึ่งก็ไม่ได้ยื่นเช่นกัน 


3.ถ้าบอกว่า เอาเงินที่ขายหุ้นมาใช้หนี้ แต่ 1 ปีผ่านไปเจ้าของคนใหม่ก็ยังเป็นหนี้ หจก.อยู่ 69 ล้านบาทเท่าเดิมเป๊ะๆ  จึงตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขนี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงและมีการจ่ายหนี้กันจริงและไม่ได้แสดงในบัญชีทรัพย์สินด้วย

 

“ผมคิดว่า นายศักดิ์สยาม ไม่มีทางออกเรื่องนี้ สิ่งที่ผมพูดมาพร้อมหลักฐานที่ได้อภิปรายไปน่าจะมัดตัว นายศักดิ์สยาม ได้ค่อนข้างแน่นพอสมควร ดังนั้น จึงหารือกับฝ่ายกฎหมายของพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชาติ ที่อภิปรายเรื่องนี้เหมือนกัน เพื่อร่วมกันยื่นต่อหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบและสอบสวนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและการถือครองธุรกิจที่ใช้นิติกรรมอำพราง เอาผิด นายศักดิ์สยามต่อไป” นายปกรณ์วุฒิ ระบุ