ฝ่ายค้านแฉเส้นทางการเงิน “ทุจริตถุงมือยาง” 2 พันล้าน ซัด “จุรินทร์” รู้เห็น

20 ก.ค. 2565 | 03:29 น.

“ประเสิรฐ” ฝ่ายค้าน แฉเส้นทางการเงินโกงถุงมือยาง 2 พันล้าน ภาคสอง ซัด “จุรินทร์” รู้เห็นโกง เหน็บ” บิ๊กตู่” ไม่กล้าปลดกลัวถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” วันที่สอง (20 ก.ค.65) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในข้อหา “ทุจริตถุงมือยาง” ภาคสอง  

ฝ่ายค้านแฉเส้นทางการเงิน “ทุจริตถุงมือยาง” 2 พันล้าน ซัด “จุรินทร์” รู้เห็น

โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธิ์ รู้ถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นที่องค์การคลังสินค้าเป็นอย่างดีและทราบดีว่าในความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงในวงเงิน 2,000 ล้านบาท แต่เพิกเฉยไม่ดำเนินการใดใด จนเสียหายเกิดขึ้น ปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินที่อันตธานหายไป 2,000 ล้านบาทได้ ทราบว่านายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตแต่ไม่กล้าปลดออกจากตำแหน่งเพราะเกรงว่านายจุรินทร์จะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลจึงจำเป็นต้องปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจการทุจริตที่เกิดขึ้น

 

“นายจุรินทร์ มีพฤติกรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นสาเหตุเพราะกลุ่มผู้ทุจริตเป็นบุคคลใกล้ชิดตน เป็นบุคคลที่ตนเองแต่งตั้ง พฤติการณ์ของนายจุรินทร์ไม่อายัดเงินให้ทันต่อเหตุการณ์จนในที่สุดกลุ่มคนทำผิดทำทุจริตได้นำเงินที่ได้จากการทุจริต 2,000 ล้านบาท ไปทำการฟอกเงินกระจายเงินไปตามบัญชีต่างๆจนไม่สามารถติดตามคืนมาได้”

 

การแกะรอยถุงมือยาง สัญญาลวง แสนล้าน นายประเสิรฐระบุว่า องค์การคลังสินค้าทำสัญญา 7 บริษัท รวมสั่งซื้อ 826 ล้านกล่อง มูลค่า 186,100 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย  225 บาทต่อกล่อง สั่งซื้อโดยองค์การคลังสินค้า สั่งไปยัง บ.การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด จำนวน 500 ล้านกล่อง กล่องละ 225 บาท มูลค่า 112,500 ล้านบาท พบความผิดปกติคือ บ.การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด  มีนายธนรัชต์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ

 

ฝ่ายค้านแฉเส้นทางการเงิน “ทุจริตถุงมือยาง” 2 พันล้าน ซัด “จุรินทร์” รู้เห็น

ทั้งนี้ องค์การครั้งสินค้า (อคส.) ยังไม่ได้รับมอบถุงมือยาง ซึ่งองค์การฯ ได้ยกเลิกทำสัญญากับบริษัทดังกล่าว ในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา นายประเสริฐได้ยกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายจุรินทร์ เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและมีความใกล้ชิดคือนายสุนายสุชาติ เตชจักรเสมา ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานกรรมการ อคส.  และผู้บริหารภายในองค์กรคลังสินค้าเองและมีบุคคลภายนอกบุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องกัน มีการแบ่งหน้าที่กัน ทำให้การช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำเป็นขบวนการเพื่อทุจริตในหน่วยงาน

 

เขาระบุว่า ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เมื่อ 10 มีนาคม 2564 ปรากฏว่าต่อมาป.ป.ช. ทำการบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องตามคดีดำ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ตามเอกสารที่ ป.ป.ช. ได้แจ้งบันทึกมา หลังจากที่ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสิ้น 22 คน ขณะนี้ทำการไต่สวนเบื้องต้นเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิดจริง

 

“นายจุรินทร์ทราบเรื่องนี้ดีว่า ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหากับนายสุชาติ แต่นายจุรินทร์กลับจงใจปล่อยให้หน่อยสุชาติปฎิบัติหน้าที่ในฐานะประธานองค์การคลังสินค้าจนหมดวาระเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ไม่กล้าให้ทำบันทึกชี้แจงข้อเท็จจริง ทำบันทึกเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นหรือรายงานยื่นต่อนายจุรินทร์ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ตามที่กฎหมายกำหนด หรือเสนอตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อนายสุชาติในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พฤติกรรมของนายจุรินทร์ยังคงอ้างถึงผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าบอกว่ามีรายงานให้นายจุรินทร์ถึง 4 ครั้ง”

 

นายประเสิรฐ ระบุว่า มีการฟอกเงินอย่างเปิดเผย ไร้ยางอาย หลังเงินออกจากบัญชีค่อยอายัดตามไทม์ไลน์ดังนี้

  • 2 กันยายน 2563 บ.การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด   รับโอนเงินจาก อคส. 2,000 ล้านบาท ค่ามัดจำ
  • 14 กันยา 2563 รัฐมนตรีพาณิชย์รับทราบเรื่องทุจริต
  • 29 กันยายน 2563 ป.ป.ช.มีมติอายัดบัญชี 2,000 ล้านบาท

 

การอายัดเงินการไม่อายัดเงินครั้งนี้ส่งผลให้ผู้ทุจริตพวกมันกระจายเงินไปยังบุคคลต่างๆนิติบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีเส้นทางการเงินดังนี้

 

  •  2 กันยายนที่องค์การคลังสินค้าโอนเงินให้บริษัทการ์เดียนฯ
  • 29 กันยายน ที่นายจุรินทร์อ้างว่า ป.ป.ช.อายัดเงินกลุ่มผู้ทุจริตเบิกเงินสด โอนเงินสด สร้างนอมินีรับเงินโอนหรือบัญชีม้า ในลักษณะปกปิดอำพราง เพื่อนำเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจากการกระทำผิดไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในรูปแบบกระจายเงินสดจำนวน 1,800 ล้านที่บริษัทการ์เดียนได้รับแล้วและมีการโอนไปโอนมาระหว่างการเรียนและบัญชีอื่นๆ อีก 3 บัญชี

 

บัญชีแรกถอนเป็นเงินสดระหว่างวันที่ 3 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ยอดเงิน 56.33 ล้านบาท ถอนออกจากธนาคารหลายแห่ง แบ่งเป็น ธนาคารไทยพานิชย์ 5 แห่ง กสิกรไทยหนึ่งแห่งส่วนมากอยู่ในจังหวัดนครปฐม

 

มีข้อสังเกตการถอนเงินเป็นจำนวนมากจากธนาคารปกติธนาคารจะไม่สำรองเงินไว้เป็นเงินสดไม่ถึง 10 ล้านบาทหรือส่วนมาก   แต่การถอนเงินครั้งนี้มีการเตรียมตัวธนาคารเหมือนเอาเงินมาคอยไว้เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องนี้น่าจะมีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรมีใครสมคบคิดทั้ง ๆ ที่เป็นธุรกรรมมผิดปกติ ทุรกรรมผิดปกติได้แจ้งปอปองหรือไม่

 

นอกจากนี้ยังมีการโอนเงินนี้ให้นิติบุคคลอย่างมีข้อพิรุธ มีการเบิกถอนเงินไปเพื่อแบ่งปันจำนวน 8 บริษัท ยอดเงิน 967.17 ล้านบาท มีหลายบริษัทน่าสงสัย ดังนี้ 

 

  • บริษัทบ. ย่านบางนา กทม. บริษัทบริษัทนี้มีวัตถุประสงค์ผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับถุงมือยาง แต่บริษัทการ์เดียนโอนเงินให้ทั้งที่ไม่มีวัตถุประสงค์สภาพบริษัทอย่าว่าแต่โอนเงินให้ 58 ล้านบาท
  • บริษัท จ. ตั้งอยู่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา มีวัตถุประสงค์ในการค้ำประกันหนี้สินบุคคล ไม่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือ รับเงินโอนเยอะ 273 ล้านบาท
  • บริษัท ว.ป. ตั้งอยู่บางเขน กทม.อบริษัทนี้เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารพานิชย์ได้รับเงินโอนจากการทุจริต 16.44 ล้านบาทบริษัทยังค้างชำระเงินภาษีอากรจากกรมสรรพากร
  • บริษัท ว. ตั้งอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการได้รับเงินได้รับเงินโอนจากการทุจริต 97.36 ล้านบาท

 

นายประเสริฐ ระบุอีกว่า ที่น่าแปลกเรื่องการโอนเงินของบริษัทการ์เดียน มีการโอนเงินไปยัง บริษัท RN ประเทศเกาหลีใต้ยอดเงิน 301 ล้านบาท ซึ่งอาจไม่ใช่การฟอกเงินในประเทศแต่เป็นการฟอกเงินข้ามประเทศ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องติดตามเส้นทางการเงินจำนวนนี้มาลงในกระเป๋าใคร ?

 

ไม่เพียงเท่านั้นการฟอกเงิน ซึงคือการโอนเงินให้บุคคลต่างๆอย่างมาก มีข้อพิรุธจำนวนไม่น้อยกว่า 40 บัญชี ทั้งที่บุคคลต่างๆไม่อยู่ในสถานะที่จะรับเงินได้และมีการถอนเงินสดออกจำนวน 151 ล้านบาท เข้าบัญชีบุคคลต่างๆไม่ว่าจะเป็น จังหวัดนครนายกระยอง กรุงเทพ ฯ ปทุมธานี นครปฐม เป็นที่น่าสงสัยว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวพันกับการฟอกเงินหรือไม่

 

ในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมาเขาบอกว่า ได้พาดพิงถึงตัวละครท่านหนึ่งคือ “เอี่ยว” ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างห้องประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า คอยประคับประคอง ตั้งแต่วันทำสัญญาการเบิกเงินและเป็นคนที่เกี่ยวพันกับการทุจริตระหว่างวันที่ 25 ถึง 31 สิงหาคม 2563 มีพยานหลักฐานใบเสร็จรับเงินว่าบุคคลดังกล่าวได้รับเงิน 19 ล้านบาทจากบริษัทการ์เดียน เป็นการตอบแทนให้กับนายเอี่ยว

 

นอกจากนี้มีการโยกย้ายเงินเพื่อออกหนังสือรับรองเงินฝาก โดยนำไปใช้เปลี่ยนแปลงในการจดทะเบียนเพิ่มทุนของ บริษัทการ์เดียน จากเดิมทุน 5 ล้านบาท ทำหลักฐานเป็นเท็จเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,500 ล้านบาท มีข้อสังเกตว่าการชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นการชำระในรูปแบบเงินสด โดยใช้วิธีการโอนเงินหมุนเวียนผ่านธนาคารหลายธนาคาร ให้ธนาคารเหล่านั้นได้รับรองยอดเงินฝากฝ่ายในภายในวันเดียวกัน หลังจากนั้นก็นำหลักฐานที่ธนาคารแต่ละแห่งออกให้นายธนรัชต์ไปยื่นขอจดทะเบียนต่อสำนักงานจดทะเบียนจังหวัดนครปฐมเพื่อเพิ่มทุน ซึ่งเป็นหน่วยงานนี้ก็เป็นหน่วยงานที่กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้ากระทรวงอยู่

 

ฝ่ายค้านแฉเส้นทางการเงิน “ทุจริตถุงมือยาง” 2 พันล้าน ซัด “จุรินทร์” รู้เห็น

เขายังชี้ให้เห็นอีกว่า บริษัทการ์เดียนได้ทุจริตฉุกเฉิน 857 ล้านบาทวันเดียวจบ เริ่มจากวันที่ 15 กันยายน 2563 ช่วงเช้าไปให้ธนาคารออกหนังสือรับรองเงินในบัญชี 858 ล้านบาทต่อมาอีก 17  นาที ได้โอนไปเข้า บ.การ์เดียน โอน 857 ล้านบาท ให้ธนาคารออกหนังสือรับรองเงินฝาก ต่อมาอีก 1 ชั่วโมงเศษ ถอนเงินออกเข้า บัญชีตนเอง 820 ล้าน ให้ธนาคารออกหนังสือรับรอง เพื่อสร้างยอดเงินในหลักฐานรับรองยอดเงินฝาก ให้มียอด 2,000 ล้านบาท จากนั้นได้เอาหนังสือ 3 ฉบับไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเพื่อสร้างหลักฐาน ที่มี่การชำระค่าหุ้นอย่างแท้จริง

 

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจของกระผมครั้งนี้แม้จะเป็นเรื่องทุจริตเดิมที่เคยอภิปรายตอนนั้นมีเพียงคลิปเสียงการประชุมคณะกรรมการบอร์ดองค์การคลังสินค้า ที่นายสุชาตินั่งเป็นประธานในที่ประชุมและครั้งนั้นมีการกล่าวถึงว่า นายสุชาติได้พูดในเทปว่า รอท่านรัฐมนตรีมากดปุ่ม แสดงว่าสุชาติ จุรินทร์ทราบเรื่องการทุจริตดี วันนี้นายจุรินทร์ปล่อยให้มีผู้รับผิดชอบหรือแพะแค่ 3 ราย 2 พันล้านบาทเพื่อตัดตอนไม่ให้ไปถึงนายสุชาติและตนเอง ถ้าก่อนวันที่ 14 กันยายน 2563 ไม่แค่ย้ายองค์การคลังสินค้าแต่ใช้อำนาจยับยั้งความเสียหายไหห็ไม่เกิดขึ้น”

 

 

ปิดท้ายการอภิปรายนายประเสริฐ มาพร้อมใบเสร็จหลักฐานการโอนเงิน โดยแสดงแผ่นภาพเส้นทางการเงินโดยละเอียด

  • ภาพเเรกบริษัทการ์เดียน โดยบัญชีกสิกรไทย โอนไปยังบุคคลต่างๆจำนวน 20 รายการ
  • ภาพที่สองเป็นบัญชีของนายธนรัชต์ กรรมการ บ.การ์เดียน ธนาคารกสิกรไทย โอนไปยังบุคคลต่างๆ 39 ใน 39 รายการนี้ยังมีหลายบุคคลที่เป็นบุคคลที่น่าสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการฟอกเงิน
  • บริษัทการ์เดียนได้โอนเงินจากธนาคารพาณิชย์ เข้าบัญชีกรรมการบริษัทก็คือบัญชีตนเองยอดเงิน 235 ล้านบาท
  • บริษัทการ์เดียนได้โอนเงินจากธนาคารไทยพานิชย์ โอนไปยังนิติบุคคลและบุคคลต่างๆ 92 รายการ
  • บริษัทการ์เดียนโอนเงินจากธนาคารกสิกรไทยไปยังนิติบุคคลต่างๆ  7 บริษัทยอดเงินเป็นจำนวน 917 ล้านบาท

 

"หากนายจุรินทร์ มีคำสั่งอายัดเห็นตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2563 ความเสียหายย่อมไม่เกิดขึ้น แต่นายจุรินทร์กลับทอดเวลา ปล่อยให้มีการฟอกเงินยังลอยนวลนับแต่วันที่รู้ว่ามีการทุจริตจนถึงวันนี้ เกือบ 2ปี ปรากฏความจริงว่ามีการฟอกเงินที่ทุจริตละเว้นปล่อยประละเลยให้ผู้ทุจริตนำเงินไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย"