"ไทยสร้างไทย" เปิดตัว วันเพ็ญ เศรษฐรักษา ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์

06 มิ.ย. 2565 | 03:44 น.

"หญิงหน่อย " เปิดตัว วันเพ็ญ เศรษฐรักษา ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเดินหน้าคิกออฟ สร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน มั่นใจบำนาญ3,000 บาท ช่วยผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

 ที่ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นำคณะผู้บริหารของพรรค ประกอบด้วย นายพงศกร อรรณพพร ประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ นายต่อพงษ์ ไชยสาร ประธานคณะกรรมการ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายจอนนี่ แอนโฟเน่ และทีมไทยสร้างไทย ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เยี่ยมยามถามข่าวให้กำลังใจพี่น้องประชาชน 

 

ขณะเดียวกันยังได้เปิดตัวนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา หรือเจ๊นาง อดีตรองนายก อบจ.กาฬสินธุ์  อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ยุทธชัยการโยธา เป็นผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดกาฬสินธุ์ พรรคไทยสร้างไทยในเขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอยางตลาด, อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย 

 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เปิดตัว  วันเพ็ญ เศรษฐรักษา ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคไทยสร้างไทย

โดย"เจ๊นาง" เป็นที่รู้จักของพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ จากการทำ "โรงทานเจ๊นาง" และกิจกรรมทางสังคมช่วยเหลือชาวบ้านร้านตลาดอย่างต่อเนื่อง เมื่อนางวันเพ็ญได้ตัดสินใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในนามพรรคไทยสร้างไทย พี่น้องทั้งสามอำเภอในเขตเลือกตั้งที่สองต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

เพราะตลอดสองถึงสามปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่เจ๊นางก็ยังดูแลพี่น้องชาวยางตลาด ชาวอำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสยด้วยดีเสมอมา 

 

โดยเฉพาะการทำกิจกรรมโรงทานยังเหมือนเดิม รวมถึงการมอบสิ่งของเพื่อการยังชีพเมื่อครั้งพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ ประสบภัยพิบัติต่างๆซึ่งได้ทำอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดตกบกพร่อง พร้อมกับการรับฟังปัญหาต่างๆจากพี่น้องประชาชนอย่างสม่ำเสมอ

 

รวมถึงการดูแลพี่น้องช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด -19 ทั้งยังได้เป็นผู้ประสานงานที่สำคัญของจังหวัดในการดูแลพี่น้องประชาชน ที่เจ็บป่วยจากการแพร่ระบาดโรคดัง พร้อมจัดรถส่งพี่น้องจากกรุงเทพกลับกาฬสินธุ์ หลายพันคนด้วย 

 

บรรยากาศการลงพื้นที่ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนอย่างอบอุ่นมาก มีพี่น้องประชาชนมาร่วมให้กำลังใจนางวันเพ็ญในการเปิดตัวเป็นผู้สมัคร หลายพันคน ขณะเดียวกัน ยังได้อวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และพี่น้องชาวยางตลาดพร้อมสนับสนุน เพราะชื่นชอบทั้งคนและพรรค 
 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เดินหน้าคิกออฟ สร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน

นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย หรือพรรค ที่ ใช้สัญลักษณ์ "ส" จะเป็นพรรคที่สร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่กล้าประกาศอย่างชัดเจนว่าจะสู้เพื่อคนตัวเล็ก โดยเฉพาะการประกาศ ผลักดันการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน


ซึ่งเป็นนโยบาย ที่พรรคไทยสร้างไทยได้นำเสนอ และประกาศเป็นนโยบายมาเกือบหนึ่งปีแล้ว วันนี้เป็นการเริ่มต้นสร้างเครือข่ายอย่างเป็นทางการโดย มีพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เป็นสักขีพยานและจะเป็นเครือข่ายแรกที่ร่วมกันสนับสนุนผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติบำนาญประชาชนให้เกิดขึ้นได้จริง และสำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของพรรค

 

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่านโยบายดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society)อย่างเต็มขั้นในปี 2565 และคาดว่าประเทศไทยจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper Aged Society) หรือมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20% ในปี 2574 

 

ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทย จึงเสนอนโยบายบำนาญประชาชน เพื่อให้เป็นเครื่องมือเตรียมการรองรับสังคมสูงวัย โดยเราต้องดูแลผู้สูงวัยให้แข็งแรง จะปล่อยให้ประเทศไทยมีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ และยากจนอย่างในปัจจุบันไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้สูงวัยทั้งของรัฐและครอบครัว ตลอดจนจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยิ่ง เพราะคนทำงานหารายได้จะลดลง

 

พรรคไทยสร้างไทย จึงออกแบบนโยบายบำนาญประชาชน เพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัย โดยนโยบายนี้จะสามารถแก้ไขปัญหา และสร้างประโยชน์ได้ถึง 4 อย่าง คือ 

  •  1.ผู้สูงอายุมีเงิน เพียงพอต่อการยังชีพ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี 

 

  • 2.ผู้รับบำนาญประชาชนต้องมีหน้าที่ในการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง โดยรัฐจะจัดให้มี โปรแกรมในการสร้างสุขภาพผ่านศูนย์สุขภาพชุมชน โดยมีการตั้งเป้าหมายเพื่อลดโรคไขมัน ความดัน เบาหวาน และมีโปรแกรมการฝึก สมองกล้ามเนื้อและจิตใหัปู้สูงอายุ  

 

  • 3.ลดภาระลูกหลาน ในการเลี้ยงดูผู้สูงอายุ จะได้สร้างตัวได้ หมดกังวลในการดูแลพ่อแม่ 

 

  • 4.เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้ 

เพราะเป็นการใส่เม็ดเงินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ จะเกิดกำลังซื้อมหาศาล ให้กับเศรษฐกิจฐานรากขับเคลื่อนได้  ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวดีขึ้นตามมา เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐบาลก็สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น