ผบช.น. ยันไม่พบ"พล.ต.ต." แทรกแซงคดี "ปริญญ์"

21 เม.ย. 2565 | 09:27 น.

ผบช.น.ยันไม่มี ตำรวจยศ "พล.ต.ต." แทรกแซงคดี “ปริญญ์” ลั่นหากพบข่มขู่พยาน ต้องถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ย้ำไม่พบเหยื่อรายใดถอนแจ้งความ

ความคืบหน้าหญิงสาวผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหา“อนาจารและข่มขืน” ทำให้ยอดรวม ขณะนี้มีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดี แล้วรวม 14 คนนั้น

 

ล่าสุด พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบคดีทั้งหมด 15 คดี ซึ่ง สน.ลุมพินี รับไว้ 8 คดี ส่งให้ จ.เพชรบุรี 1 คดี สน.ห้วยขวาง 1 คดี และ มีคดีที่ จ.เชียงใหม่ 1 คดี นอกจากนี้มีคดีที่ขาดอายุความ 2 คดี , เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร 1 คดี และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดินอีก 1 คดี 

 

“ยืนยันดำเนินคดีให้กับผู้เสียหายทุกราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา อีกคดีผู้เสียหายอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะแจ้งความหรือไม่”

 

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

 

พล.ต.ท.สำราญ เผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มี “พล.ต.ต.” เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ในรูปคดีหรือสำนวนการสอบสวนยังไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด ต้องพิสูจน์ทราบว่ากรณีนี้ หากเป็นการแทรกแซงผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากมีการข่มขู่พยานหรือคนที่เกี่ยวข้องกับคดี ทางตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด 

 

ส่วนจะมีการกลับคำให้การหรือไม่นั้น หากเป็นความผิดยอมความได้ตำรวจจะไม่ก้าวล่วง แต่ถ้าเป็นความผิด ยอมความไม่ได้จะต้องถูกดำเนินคดี ถึงแม้ฝ่ายผู้เสียหายไม่เอาเรื่องก็ตาม

พล.ต.ท.สำราญ ระบุอีกว่า ในเรื่องของผู้เสียหายที่จงใจเข้ามาแจ้งความเพื่อดิสเครดิตอีกฝ่ายนั้น ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดทุกกรณี และสอบสวนให้ชัดเจนสิ้นข้อสงสัย ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบโดยละเอียดทุกคน 

 

สำหรับประเด็นเรื่องที่ “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด” ติดต่อผู้เสียหายรายแรกไม่ได้นั้น ทางตำรวจคงไม่ก้าวล่วง แต่ยืนยันว่าทุกคนยังไม่มีใครถอนแจ้งความแต่อย่างใด

 

และกรณีที่ทนายพาสื่อมวลชนไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นการกดดันตำรวจหรือไม่นั้น ตนเชื่อมั่นในพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี และการทำงานของ ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี รวมไปถึงกรณีนี้ที่ตนได้ลงมาดูแลด้วยตัวเอง ส่วนที่มีการนำเสนอตามโซเชี่ยลมีเดียไม่สามารถทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไปได้ เพราะตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน