“พรรคสร้างอนาคตไทย”ประกาศไม่ชงชื่อ“บิ๊กตู่”เป็นแคนดิเดตนายกฯ

19 ม.ค. 2565 | 08:36 น.

“พรรคสร้างอนาคตไทย”ประกาศไม่ชงชื่อ“บิ๊กตู่”เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยจะสรรหาคนของพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ เอง และพรรคไม่เป็นนอมินีของพรรคไหน หรือของใครทั้งสิ้น

วันนี้(19 ม.ค.65)  ในการแถลงเปิดตัวของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ไฮแอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เปิดตัวกลุ่มผู้ร่วมอุดมการณ์เป็นบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพและจากทุกสถานะของสังคม ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักบริหาร นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ ภาคประชาชน 

                                   “พรรคสร้างอนาคตไทย”ประกาศไม่ชงชื่อ“บิ๊กตู่”เป็นแคนดิเดตนายกฯ

ช่วงหนึ่ง นายสนธิรัตน์ กล่าวยืนยันว่า พรรคจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอย่างแน่นอน  โดยพรรคจะสรรหาคนของพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯเอง 

 

 

ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะมีเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคหรือไม่นั้น นายสนธิรัตน์ ยอมรับว่า ชื่อของนายสมคิด เป็นที่จับตา มีคนอยากให้ท่านขึ้นมาแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่พรรคก็ต้องมีหลักการที่จะต้องผ่านกระบวนการในการเสนอชื่อ ซึ่งมีอยู่ 3 ชื่อ ซึ่ง 1 ในนั้นคือหัวหน้าพรรค  และอีก 2 ชื่อพรรคจะพิจารณา ส่วนใครจะเป็นหัวหน้าพรรคก็จะต้องผ่านกระบวนการของพรรคอีกที

                             “พรรคสร้างอนาคตไทย”ประกาศไม่ชงชื่อ“บิ๊กตู่”เป็นแคนดิเดตนายกฯ


เช่นเดียวกับ นายอุตตม ที่กล่าวว่า นายสมคิดเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับพวกเรามาก ในส่วนของตนบอกได้เลยว่า ท่านไม่ทอดทิ้งพวกเรา ถามว่าส่วนตัวเห็นว่านายสมคิดเหมาะสมหรือไม่ ตนเห็นว่าเหมาะสม แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการของพรรคที่จะพิจารณาใน 3 รายชื่อดังกล่าว 

นายอุตตม ยืนยันด้วยว่า พรรคไม่ใช่เป็นนอมินีของพรรคไหน หรือของใครทั้งสิ้น พรรคสร้างอนาคตไทยจะไม่ไปขั้วไหนทั้งสิ้น เราจะไม่ไปสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม แต่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาความร้าวลึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพื่อสร้างดุลภาพทางการมืองให้เหมาะสม และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ

 

ขณะที่ นายสนธิรัตน์  ยังกล่าวถึงประเด็นการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ว่า เป็นอำนาจของนายกฯ  เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบจากสภา ก็เป็นหน้าที่นายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนพรรคต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่นี้เป็นต้นไปในการส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงทำการแข่งขัน พรรคขอทำหน้าที่ระดมผู้คนให้พร้อมในการเปลี่ยนแปลง 

 

นายสนธิรัตน์ ยังได้ขยายความประเด็น เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ อีกครั้งว่า พรรคประกาศจุดยืนสรรหาคนในพรรคแคนดิเดตนายกฯ ส่วนหลังการเลือกตั้งต้องฟังประชาชน เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย วันนั้นผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร  พรรคจะเป็นผู้พิจารณาว่าพรรคจะวางบทบาทอย่างไร และพรรคจะตัดสินใจเวลานั้นว่าจะทำงานกับใคร ไม่ทำงานกับใคร ที่เคยยืนยันเราสามารถขับเคลื่อนอุดมการณ์ เป้าหมายของพรรคได้หรือไม่