“ลุงตู่”กับทางสองแพร่ง “สู้ต่อ” หรือ “พอแค่นี้”

29 ต.ค. 2564 | 13:56 น.

ทางออกของ “ลุงตู่” จึงอยู่ที่ทางสองแพร่ง สู้ต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าดูจากปรากฏการณ์ตอนนี้ หนักไปทางตั้งพรรคใหม่

 

นายบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  และ นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้วิเคราะสถานการณ์ของ ลุงตู่ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในรายการ  “เนชั่นอินไซต์” ออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 มีเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้  

 

สถานการณ์ตอนนี้ยังไปโฟกัสอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันนี้ดูนายกฯ เพลียสะดุดขอบเวทีเกือบล้ม ประชุมติดต่อกัน 3 วัน และพึ่งฉีดบูสเตอร์วัคซีน

 

ตกลงหลังจากนี้ไปสงบชั่วคราว หรือ ว่าจะสู้กันต่อ

 

ดูจากสถานการณ์พลังประชารัฐตอนนี้แล้วค่อนข้างที่จะลำบาก ถ้าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารพรรค ถ้าลุงตู่จะสู้ต่อจะสู้เพราะอะไร

 

ลำพังแค่จัดการกับคนที่คิดว่ามีปัญหาในกระบวนการทำงานเลขาธิการพรรคไม่ได้ แล้วจะสะท้อนอำนาจนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร แล้วถ้าไม่สู้ต่อพอแค่นี้เพราะอะไร

 

ตอนนี้มีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า ถ้านายกฯ สู้ต่อ มีส.ส.ตบเท้าตามนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ไปอย่างต่ำคือ 70-80 คน ที่ผ่านมาต้องบอกว่า “3 ป.” เข้มแข็งที่สุดกันมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่แค่ 8 ปี แบ่งงานกันทำตามรูปแบบนับตั้งแต่มีการรัฐประหารเข้ามา

 

ผลที่ตามมาปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ทางเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปทางไหน

 

วันนี้นักข่าวถาม “ลุงตู่” เรื่องการตั้งพรรคใหม่

 

ถ้า “ลุงตู่” จะไปตั้งพรรคใหม่จะเป็นพรรคไหน ก่อนหน้านี้มีการเซ็ตอัพกัน

 

ทางออกของ “ลุงตู่” จึงอยู่ที่ทางสองแพ่ง สู้ต่อหรือพอแค่นี้ ถ้าดูจากปรากฏการณ์ตอนนี้ หนักไปทางตั้งพรรคใหม่ เพราะดูว่าการเข้าไปยึดพรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างจะลำบาก อย่างต่อมาต้องบอกว่า แบรนด์ของพลังประชารัฐในการสู้ศึกครั้งหน้าไม่ค่อยดีนัก

                                            “ลุงตู่”กับทางสองแพร่ง “สู้ต่อ” หรือ “พอแค่นี้”

ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคหลักในการเป็นแกนนำ ในการขับเคลื่อนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังสาละวนกับการแก้ปัญหาภายในพรรค

 

ปรากฏการณ์อีกฝั่งหนึ่ง ปรากฏการณ์เพื่อไทยเขาบอกว่า ปรากฏการณ์นี้กำลังกลายเป็นแรงดึงดูด เป็นแม่เหล็กชุดใหญ่ในทางการเมือง

 

การปรากฏกายของคนใน “ตระกูลชินวัตร” กำลังสะท้อนว่าตอนนี้ “ชินวัตร” เอาจริง ปรากฏการณ์ของ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เป็นประธานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม กลายเป็นเรื่องที่บ่งบอกว่า พรรคเพื่อไทย กลายเป็นพรรคชินวัตร และรอบนี้เอาจริง

 

รอบนี้ “ครอบครัวชินวัตร” รวมพลังกันสนับสนุนกันเป็นหนึ่งเดียว

 

การปรับโครงสร้างรอบนี้ ในการปรากฏกายของ คุณอุ๊งอิ๊ง 2 คนนี้จะมีอำนาจในการให้คำปรึกษาและกำหนดทางเดินของพรรค โครงสร้างนี้เป็นเพียงฉากหน้า

                                    “ลุงตู่”กับทางสองแพร่ง “สู้ต่อ” หรือ “พอแค่นี้”

หัวหน้าพรรคตัวจริงคือ คุณอุ๊งอิ๊ง และหัวหน้าพรรคตัวจริงก็ไม่ปฏิเสธ “หมอชลน่าน” เองก็รู้พยายามบอกว่าไม่ได้เป็นนอมินีใคร แต่ความเป็นจริงพรรคเพื่อไทย คือพรรคชินวัตร

 

ปรากฏการณ์ แพทองธาร เข้าไปอยู่ในพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษากำลังบอกอะไรเรา

 

คือการดึงคนรุ่นใหม่ ให้ Spotlight อยู่ในตัวอุ๊งอิ๊ง แล้วยุทธศาสตร์หลังจากนี้ไป จะเป็นยุทธวิธีปั้น แพทองธาร คล้ายกับตอนปั้นคุณยิ่งลักษณ์ ก็ใช้ยุทธศาสตร์นี้

 

หลายคนบอกว่าเป็นไปได้หรอ อุ๊งอิ๊ง เข้าไปเพื่อสร้างสัญลักษณ์พรรค ไม่ได้เข้ามาเพื่อเล่นการเมือง

 

นักข่าวไปถามคุณอุ๊งอิ๊ง ไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่ขอดูการตอบรับในพรรคและจากประชาชนก่อน ถ้ากระแสดีก็เดินหน้าต่อ ปรากฏการณ์นี้เป็นตัวบ่งบอกว่า พรรคเพื่อไทย คือ พรรคชินวัตร เรามาดูนายกฯ ตระกูลชินวัตร ที่ครองตำแหน่งและบริหารประเทศ

 

แต่ละคนที่เป็นนายกฯ ในตระกูลชินวัตร ล้วนแต่เจอมรสุมทั้งสิ้น และถึงตอนนี้การส่งทายาทเข้าไปในพรรคเพื่อไทย กลายเป็นสัญลักษณ์ที่พูดกัน ว่านี่คือพรรคชินวัตร