“บิ๊กตู่” เปิดตึกไทยคู่ฟ้า “ประชุมลับ” 7 รมต. 

25 ต.ค. 2564 | 14:09 น.

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดห้องประชุม ตึกไทยคู่ฟ้า “ประชุมลับ” 7 รัฐมนตรี สายพลังประชารัฐ นาน 1 ชั่วโมง 

วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เสร็จสิ้นลงเวลาประมาณ 13.15 น.

ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้หยุดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเหมือนปกติ เพียงแต่ทำท่าโบกมือให้กับสื่อมวลชน จากนั้นได้เดินขึ้นไปทำงานต่อบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

แต่ที่น่าสนใตคือ ได้มีรัฐมนตรีรวม 7 คน ทยอยขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าตามนายกรัฐมนตรี ไปที่ห้องสีเขียว ซึ่งเป็นห้องประชุมที่อยู่ชั้นล่างของตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งโดยปกติจะเป็นห้องประชุมคณะกรรมการต่าง ๆ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

“บิ๊กตู่” เปิดตึกไทยคู่ฟ้า “ประชุมลับ” 7 รมต. 

โดยรัฐมนตรี 7 คน ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรมว.อุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสันติพร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม

โดยมีรายงานข่าว เปิดเผยว่า วงประชุมนี้ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ท่ามกลางกระแสข่าว 2 กระแสว่า เป็นการหารือเกี่ยวกับปัญหาการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องการระดมความคิดเห็นของรัฐมนตรีเสนอแนวทางการแก้ปัญหาต่างๆของประชาชน โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจกับอีกกระแส ระบุว่า เป็นการเคลียร์ปัญหาการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น รัฐมนตรีทั้งหมดทยอยเดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่ให้สัมภาษณ์เปิดเผยรายละเอียดการประชุมแต่อย่างใด 

ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า นายกรัฐมนตรี สั่งให้มีการแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาแพงอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตกร ซึ่งราคาปุ๋ยที่มีราคาสูงตั้งแต่ต้นปี มีสาเหตุจากปัจจัยหลาอย่าง ทั้งราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าระวางเรือ และการนำเข้าจากต่างประเทศร้อยเปอร์เซ็น  นายกฯจึงมอบหมายกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน ร่วมพิจารณาแนวทาวการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมถึงการชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรว่ารัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอยู่

นานธนกร กล่าวว่าว่า นายกฯห่วงใยเกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ จากสถานการณ์น้ำท่วม ราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น โดยมอบหมายกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วน ซึ่งที่ประชุมครม.วันนี้มีการอนุมัติกรอบวงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าว 

 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการผลักดันเกษตรบีซีจี และการแปรรูปอาหาร โดยนายกฯเน้นย้ำให้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ถือเป็นโครงการแซนบ็อกซ์ทางการเกษตร ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด้วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนและสั่งการให้กระทรวงพาณิชย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย  ประสานงานกับคณะกรรมการขับเคลื่อนกลุ่มจังหวัดกำหนดแผนงานโครงการให้ชัดเจน  เพื่อเป็นการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าการเกษตรให้มีสัดส่วนในตลาดโลกสูงขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า 

นายธนกร  กล่าวด้วยว่ากรณีการรับมือชุมนุมใหญ่วันที่ 31 ต.ค.นี้ รวมถึงปัจจัยแทรกซ้อนที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง เช่น การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ว่า นายกฯชี้แจงว่าต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่เกี่ยวข้อง ช่วงเวลานี้มีภารกิจสำคัญมากมายหลายประการที่จำเป็นจะต้องช่วยกันรักษาเสถียรภาพทางการเมือง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและของประชาชน ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม