“บิ๊กตู่-อนุทิน”ไม่รอด ฝ่ายค้านขึ้นบัญชีซักฟอกต้นตอปัญหา-วิกฤติประเทศ

16 ก.ค. 2564 | 07:15 น.

พรรคร่วมฝ่ายค้านนัด 19 ก.ค. ถกกำหนดคนที่จะถูกซักฟอก “ประเสริฐ”ย้ำรอบนี้มีน้อย แต่เน้นบุคคลเกี่ยวข้องกับปัญหาและวิกฤติประเทศ ยัน “บิ๊กตู่-อนุทิน”โดนแน่ ลั่นหากพรรคร่วมรัฐบาลยังยกมือหนุนเท่ากับทรยศประชาชน 

วันนี้(16 ก.ค.64) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุม เพื่อกำหนดว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใครบ้าง ตามมาตรา 151 

 

โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ต้องเอาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและวิกฤติประเทศ (ปัญหาโควิด-19) ครั้งนี้เป็นตัวตั้ง คือ นายกรัฐมตรี(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (อนุทิน ชาญวีรกูล) ส่วนบุคคลอื่นนั้น ต้องรอหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน 

 

เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การอภิปรารอบนี้จะมีไม่มาก เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่งในทางการเมือง และ หากพรรคร่วมรัฐบาลได้ฟังอภิปราย แล้วยังยกมือสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายอยู่ ก็ถือว่าทรยศประชาชน

 

ก่อนหน้านี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีมติร่วมกันถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา คือ

 

1.ที่ประชุมมีมติเห็นว่า สถานการณ์ประเทศในปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นสูงสุด ประชาชนกำลังล้มตาย ประเทศกำลังเสียหายยับเยิน จากการระบาดของโควิด-19 โดยทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและล้มเหลวของรัฐบาล จนไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่มากไปกว่านี้ได้

 

2.พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นร่วมกันว่า มีความจำเป็นต้องดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตาม ม.151 ในช่วงเวลาที่เหมาะสม 

ทั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า เพื่อความรอบคอบและความครบถ้วนของประเด็นการอภิปราย รวมถึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน จึงเห็นสมควรเชิญพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ในการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 

 

โดยเสนอให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมโดย ส่งข้อมูลความผิดพลาด ล้มเหลว รวมถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นมายังพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันระหว่างพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และ พรรคร่วมฝ่ายค้านในการหยุดยั้งรัฐบาลที่ล้มเหลว


3.ในระหว่างที่ไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน โดยจะนำเสนอท่าทีและความเห็นต่อสถานการณ์ประเทศต่อไป โดยจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 ก.ค.2564