ขวากหนามแก้ รธน. บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ของ ‘ประชาธิปัตย์’

29 มิ.ย. 2564 | 23:15 น.

ขวากหนามแก้ รธน. บัตรเลือกตั้ง 2ใบ ของ ‘ประชาธิปัตย์’ : รายงาน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,692 หน้า 10 วันที่ 1 - 3 กรกฎาคม 2564

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐสภา มีมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ จากที่เสนอทั้งหมด 13 ฉบับ

1 ฉบับที่ผ่านการรับรองในวาระที่ 1 คือ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พุทธศักราช... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ที่เสนอโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับคณะ 

ผ่านด้วยมติรับหลักการ 552 เสียง แยกเป็น ส.ส. 342  เสียง ส.ว. 210 ไม่รับหลักการ  24 เสียง งดออกเสียง 130 เสียงและไม่ลงคะแนนเสียง 27 เสียง

ร่างของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เสนอให้มี “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เป็นการแก้ใน มาตรา 83 ให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 400 ที่นั่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง และแก้มาตรา 91 ว่าด้วย การคำนวณสัดส่วนของผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมือง จะมีสิทธิ์ได้รับการจัดสรร

รัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการ 45 คน พิจารณาในวาระที่ 2

แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ“ฉบับ ปชป.” จะได้รับการรับ รองจากที่ประชุมรัฐสภา แต่ก็ยังมี “ขวากหนาม” อีกมากมายที่ต้องเผชิญ

จตุพร เจริญเชื้อ ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ พูดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นว่า  

ในร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ขอแก้ไขแค่ 2 มาตรา คือ 1. ม.83 เป็นเรื่องการแก้ไขจากบัตร 1 ใบ เป็นบัตร 2ใบ แก้ไขจำนวนส.ส.ระบบเขตจาก 350 คน เป็น 400 คน และระบบบัญชีรายชื่อจาก 150 คน เป็น 100 คน โดยมิได้ขอแก้ไขมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน เช่น ม. 86 ที่กำหนดวิธีการได้มาซึ่งจำนวนส.ส.เขตพึงมี และการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ที่มีบางเขตจะต้องซอยย่อยแบ่งเขตเพื่อให้ได้ส.ส.เพิ่มจาก 350 คน เป็น 400 คน จุดนี้หลักเกณฑ์กำหนดไว้ว่าจะใช้เกณฑ์ใด วิธีการใด

2. ขอแก้ ม. 91 เรื่องการคำนวณหา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของแต่ละพรรคการเมืองซึ่งร่างของปชป. ยกเลิกวิธีการคำนวณทิ้งหมด และกลับให้ไปใช้วิธีการคำนวณให้สอดคล้องกับรูปแบบบัตร 2 ใบ แต่มิได้ระบุวิธีการคำนวณไว้ว่า ให้คำนวณอย่างไรเพื่อให้ได้จำนวนส.ส. 100 คน  เพียงแต่ระบุสั้นๆ ว่าให้ไปใส่วิธีการคำนวณไว้ในกฎหมายลูก

 

ขวากหนามแก้ รธน. บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ของ ‘ประชาธิปัตย์’

ที่ผ่านมาแม้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะกำหนดวิธีการแบ่งเขต วิธีการคำนวณให้ได้มาซึ่ง ส.ส.อย่างชัดเจนไว้ ก็ยังเกิดปัญหาการแบ่งเขตแบบภาคพิสดาร ยังเกิดปัญหาการคำนวณ ส.ส.วิธีพิสดารจนได้พรรคเล็กพรรคน้อยออกมาเต็มไปหมด แต่นี่ไม่เขียนระบุในรัฐธรรมนูญให้ชัด ให้ไปออกกฎหมายลูก หรือ ระเบียบวิธีคำนวณกันเอง 

 

นอกจากนี้ ขอบเขตจำนวนมาตราที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขให้ครอบคลุมมีมากกว่า 8-9 มาตรา นั่นเป็นคำถามว่า ในชั้นรับหลักการให้แก้ไขแค่  2 มาตรา แต่เมื่อชั้นกรรมาธิการแล้ว จะแก้แค่ 2 มาตราจริงหรือ ถ้าแก้เท่านี้จะทำงาน จะใช้บังคับเป็นกฎหมายได้หรือไม่ เพราะจะไปขัดหรือแย้งกับมาตราอื่นที่ยังไม่ได้แก้ไข และท้ายสุดจะกลายเป็นประเด็นว่า ถ้าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดการโหวตปัดตกในวาระ 3 หรือ จะมี ส.ว.นำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญด้วยอีกหรือไม่

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปัตย์นี้ ดูทรงแล้วไปต่อยาก แก้ไม่สำเร็จ เพราะถ้าแก้แค่ 2 มาตรา ก็จะไปขัดแย้งกับอีก 8-9 มาตราจะบังคับใช้ไม่ได้ แต่ถ้าจะแก้ทั้ง 8-9 มาตราไปพร้อมกันก็จะกลายเป็นเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วก็จะถูกปัดตกไปในวาระ 3 ในที่สุด” นายจตุพร ระบุ

อย่างไรก็ตาม เนติบริกร อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ออกมาเสนอแนะว่า เป็นเรื่องของกมธ. และส.ส.ต้องไปหารือกัน ยืนยันว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะขัดต่อข้อบังคับ เนื่องจากข้อบังคับกำหนดว่า การแก้ไขจะต้องทำตามที่ได้รับหลักการไป ซึ่งรับหลักการมาแก้ไขแค่ ม. 83 และ ม. 91 แต่บางคนมองว่า การแก้ 2 มาตราดังกล่าว อาจกระทบต่อมาตราอื่นด้วย

“ส่วนตัวเชื่อว่า การแก้ไขสามารถไปต่อได้และสามารถไปเขียนขยายความในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ ถือเป็นเทคนิคของการแก้ไขกฎหมาย โดย นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชา ธิปัตย์และ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น่าจะไปหาช่องทางในการขยายได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะมีบางส่วนที่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ จุดนี้อาจทำให้เสียเวลาบ้าง” รองนายกฯ ระบุ

 

ด้านท่าทีของเจ้าของญัตติอย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. ระบุว่า เมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 หากจะต้องไปกระทบกับมาตราใดบ้าง ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่รับมา มาตราที่เหลือก็จะต้องปรับให้สอดคล้องกับมาตราที่รับหลักการไป

“ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้ เพราะเราก็ต้องจับมือกันกับทุกฝ่ายที่จะช่วยเข็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่ามันจะเป็นการเข็นครก ก็ตาม แต่ว่าถ้าช่วยกันหลายๆ แรง ทั้งในส่วนของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา ผมก็คิดว่า ครกมันก็ขึ้นไปถึงภูเขาได้ เพราะฉะนั้นสำคัญก็คือขอให้ร่วมมือร่วมใจกัน” หัวหน้า ปชป.ระบุ

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” ฉบับของปชป.จะไปถึง “ดวงดาว” หรือไม่ น่าติดตาม... 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :