“ธีระชัย”ร้องศาลเพิกถอนมติครม.ออกพรก.กู้เงิน 7 แสนล้าน และ 1 ล้านล้าน

24 พ.ค. 2564 | 08:07 น.

“ธีระชัย”ร้องศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนมติครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท อ้างผิดวินัยการคลัง ผิดรัฐธรรมนูญ  เตือนนายกฯ เสนอทูลเกล้าฯ ผิดม.112

วันนี้( 24 พ.ค.64)  นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พร้อมด้วยคณะแกนนำกลุ่มสามัคคีประชนเพื่อประเทศไทย เข้ายื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่18 พ.ค.2564 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ออกร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. ... วงเงินไม่เกิน 7 แสนล้านบาท และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563 ที่มีมติเห็นชอบพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2563 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท  

นายธีระชัย กล่าวว่า เนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวทั้ง  2 ฉบับ น่าจะคล้ายคลึงกัน แต่ปัญหาคือ มีการตัดตอนองคาพยพในการตรวจสอบ กำกับ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส รัดกุมของหลักวินัยการเงินการคลังออกไป แล้วไปยกร่างให้มีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมามีอำนาจเบ็ดเสร็จในการคัดเลือกโครงการและเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ กำกับโครงการ และมีอำนาจในการออกระเบียบ ซึ่งลักษณะนี้ถือเป็นการสอดไส้ ทำให้เกิดการใช้จ่ายที่หละหลวม ขัดกับวินัยการเงินการคลัง

                                            “ธีระชัย”ร้องศาลเพิกถอนมติครม.ออกพรก.กู้เงิน 7 แสนล้าน และ 1 ล้านล้าน

"เราไม่ได้ขัดขวางการกู้เงิน เพราะตระหนักดีว่าประชาชนมีความเดือดร้อนและในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย และจำเป็นต้องใช้เงินอีกไม่น้อย แต่การใช้เงินจำเป็นจะต้องดำเนินการไม่ให้ผิดรัฐธรรมนูญ หากปล่อยให้มีการออก พ.ร.ก.ที่ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ สุดท้ายประชาชนก็ไม่ได้เงินอยู่ดี  จึงต้องมาขอให้ศาลพิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก. 1ล้านล้านบาทที่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ " 

นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างรอทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีผลบังคับใช้  ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้แถลงข่าวเสนอแนะต่อองคมนตรีว่า ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ให้พิจารณาร่างกฎหมายนี้อย่างรอบคอบ ให้นำความเห็นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาประกอบด้วย และขอแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า การนำเสนอร่างกฎหมายที่ผิดรัฐธรรมนูญต่อพระมหากษัตริย์ เข้าข่ายเป็นความผิด ม.112 โดยตรง 

อีกทั้งในอนาคตการทำสัญญาเงินกู้ของรัฐบาลกับหน่วยงานต่างๆ อาจจะมีปัญหา หากมีการหยิบยกเป็นประเด็นโต้แย้ง ว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติกฎหมายเงินกู้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายละเมิดประมวลกฎหมายอาญา ม.157  และมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนกรานว่า การออก พ.ร.ก.เงินกู้ ถูกต้องแล้ว จะเดินหน้าต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น