เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา นางสาวกรุณา จุฑานนท์ ที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะปฎิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)ได้แจ้งเรื่องการจำหน่ายข้อพิพาทหมายเลขคดีดำที่ 1/2550 ระหว่างบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) ผู้เรียกร้อง กับสปน.ผู้คัดค้าน ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2550 บริษัทไอทีวีได้ยื่นข้อพิพาทเรื่องค่าปรับที่สปน.เรียกร้องให้ไอทีวีจ่ายให้แก่สปน.จำนวน 2,210 ล้านบาท ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 1/2550 หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้สปน.ชนะข้อพิพามกับไอทีวี
ต่อมาในวันที่14 ธันวาคม 2549 สปน.ได้มีหนังสือ ขอให้บริษัทไอทีวี ปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ รวมทั้งชำระเงินส่วนต่างของค่าอนุญาต รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,210 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา 15%ต่อปี โดยคำนวณเป็นรายวันตามจำนวนวันที่ชำระล่าช้า
ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้ไอทีวีชำระค่าปรับในอัตรา10% ของค่าอนุญาตให้ดำเนินการที่ สปน.จะได้รับในปีนั้นๆ โดยคิดเป็นรายวัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 จนถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2549 ซึ่ง สปน.ได้เรียกร้องเป็นจำนวนเงิน 97,760 ล้านบาท
ทั้งนี้ สปน.แจ้งว่าหากบริษัทไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวภายใน 45 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้ง (วันที่ 15 ธันวาคม 2549) สปน.จะดำเนินการตามข้อกำหนดในสัญญาเข้าร่วมงานฯ และข้อกฎหมายต่อไป
4 มกราคม 2550 บริษัทได้ยื่นข้อพิพาทเรื่องค่าปรับจากการปรับผังรายการและดอกเบี้ยในค่าอนุญาตให้ดำเนินการส่วนต่างต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550
30 มีนาคม 2550 สปน.ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ 640/2550 เรียกร้องให้บริษัทไอทีวี ชำระหนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 101,865 ล้านบาท
9 พฤษภาคม 2550 ไอทีวีได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ให้คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดกรณี สปน.ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อสัญญาเข้าร่วมงานฯ และความไม่ถูกต้องในการเรียกร้องให้บริษัทชำระค่าส่วนต่าง ดอกเบี้ย ค่าปรับมูลค่าทรัพย์สินที่ส่งมอบไม่ครบ
ขณะเดียวกันไอทีวัยังได้เรียกค่าเสียหายจาก สปน.จำนวน 21,814 ล้านบาท พร้อมทั้งขอให้ชดเชยความเสียหายโดยให้บริษัทได้กลับเข้าดำเนินการสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟต่อไปจนครบอายุตามสัญญา
22 มิถุนายน 2550 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีหมายเลขดำที่ 640/2550 ที่ สปน.เป็นผู้ฟ้องคดี เรียกร้องให้ บริษัทชำระหนี้
24 กรกฎาคม 2550 สปน.ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางที่ตัดสินให้จำหน่ายคดีหมายเลขดำที่ 640/2550 ต่อศาลปกครองสูงสุด และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้หยุดกระบวนการอนุญาโตตุลาการเพื่อรอคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
19 ธันวาคม 2550 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนยันตามศาลปกครองกลางโดยมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีหมายเลขดำที่ 640/2550 ซึ่ง สปน.เป็นผู้ฟ้องคดีฟ้องให้ไอทีวีชำระหนี้ที่จำนวน 101,865 ล้านบาท
14 มกราคม 2559 คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 เป็นข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 โดยคำชี้ขาดสรุปได้ดังนี้
1. การบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ดำเนินงานของสำนักงานปลัดฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2. ให้สำนักงานปลัดฯ ชำระค่าเสียหายแก่บริษัท เป็นเงิน 2,890 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2549.ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ลงวันที่ 30 มกราคม 2547 ทั้งฉบับ มีผลทำให้บริษัทไอทีวีต้องกลับมาปฏิบัติตามสัญญาอนุญาตให้ดำเนินการ โดยจะต้องชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนหรือค่าอนุญาตให้ดำเนินงานส่วนต่าง พร้อมดอกเบี้ย เป็นเงินรวม 2,890 ล้านบาท.ให้สปน.
ถึงตอนนี้บริษัทไอทีที และสปน. ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันเป็นเงิน 2,890 ล้านบาทเท่ากัน ซึ่งไอทีวีเห็นว่าภาระหนี้ดังกล่าวสามารถนำมาหักกลบลบกันได้ เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต้องชำระหนี้ต่อกัน
วันที่ 29 เมษายน 2559 สปน.ได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำชี้ขาดในข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ของคณะอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครองกลาง
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องคัดค้านคำชี้ขาดในข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 620/2559
ขณะนี้คดีหมายเลขดำที่ 620/2559 ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง