รองโฆษก ปชป. วอนทุกฝ่าย หยุดปั้นข่าว สร้างเฟคนิวส์

11 เม.ย. 2563 | 04:50 น.

ให้ร้ายคนอื่นผ่านโซเชียล แค่หวังปั่นไลค์ อาจผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ชวนสร้างสรรค์ร่วมมือกันทำงานเพื่อบ้านเมือง

พรรคประชาธิปัตย์—(11 เมษายน 2563) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ทีมทนาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เมื่อวานนี้นั้นถือเป็นตัวอย่างของคดีที่เกิดจากการสร้างเฟคนิวส์ (Fake News) ให้ร้ายผู้อื่นผ่านโซเชียลมีเดีย

รองโฆษก ปชป. วอนทุกฝ่าย หยุดปั้นข่าว สร้างเฟคนิวส์

โดยรูปแบบเฟคนิวส์ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายและทำให้สังคมสับสน และนำไปสู่การสร้างความตื่นตระหนกด้วยในบางครั้ง ในกรณีของนายอัจฉริยะ ถือว่าเข้าข่ายการสร้างเฟคนิวส์ ทั้งการกล่าวตลกเสียดสี เย้ยหยัน ล้อเลียน การเชื่อมโยงมั่ว คือนำสองสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแต่ถูกนำมากล่าวถึงในข่าวเดียวกันหรือทำให้มาเชื่อมโยงกัน จากการพยายามหารายได้จากการที่มีคนเข้ามาดู กดไลค์ กดแชร์ มีการพาดหัวข่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิด การนำเสนอข่าวหรือทำคอนเทนต์โดยจงใจให้เกิดความเข้าใจผิด สอดคล้องกับที่องค์กร First Draft ซึ่งเป็นองค์กรทำงานต่อต้านข่าวลวงและข้อมูลเท็จเพื่อสร้างความไว้วางใจและความจริงในยุคดิจิทัล ได้ระบุไว้เกี่ยวกับรูปแบบของเฟคนิวส์

การกระทำดังกล่าวของนายอัจริยะ กรณีให้ร้ายนายจุรินทร์เรื่องหน้ากากอนามัย ด้วยการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือน ยุยง ปลุกปั่น ใส่ความ ฉวยโอกาส สร้างกระแสด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ โดยใช้สถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาสร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่น จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่สมควรได้รับการประนาม เพราะอาศัยสถานการณ์มาสร้างความตระหนกให้กับประชาชนที่กำลังอยูในภาวะที่วิตกหวาดกลัว และยังต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายจากผู้ที่เสีย

หายอีกด้วย

  รองโฆษก ปชป. วอนทุกฝ่าย หยุดปั้นข่าว สร้างเฟคนิวส์

 

“พี่น้องประชาชนที่ติดตามเพจ เฟซบุ๊กใด ๆ หากพบว่าเป็นเพจหรือเฟซบุ๊กที่มีพฤติกรรมการนำเสนอข้อมูลที่เข้าข่ายบิดเบือนความจริง จึงไม่ควรส่งต่อ หรือแชร์ข้อความนั้นด้วยเช่นกัน ตามกฎหมายกำหนดให้ “ผู้ส่งต่อ” มีความผิดและได้รับโทษเช่นเดียวกันกับผู้นำเสนอข่าวเท็จดังกล่าวด้วย และขอวิงวอนให้ทุกคนหันหน้ามาร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ในยามที่ประเทศชาติมีปัญหา ไม่สร้างปัญหา ให้ความร่วมมือ สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และทุกฝ่ายที่กำลังทำงานอย่างหนัก เอาเวลาไปใช้ในการคิดสร้างสรรค์ หาแนวทางในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอีกหลายกลุ่มที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยกันแก้ไขให้วิกฤตดังกล่าวผ่านไปได้โดยเร็วจะดีกว่า” นางดรุณวรรณ กล่าว