24มีนาฯ 51ล้านเสียงชี้ชะตาอนาคตประเทศ

23 มี.ค. 2562 | 09:34 น.
24มีนาฯ 51ล้านเสียงชี้ชะตาอนาคตประเทศ
กาบัตรใบเดียว 24 มีนาคม 2562 นี้ได้ถึง 3 คือ ได้ส.ส.เขต ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค และได้นายกฯใหม่ ที่จะมาฟอร์มคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มาบริหารบ้านเมืองต่อไป โดยหลังปิดหีบที่คราวนี้กำหนดเวลาไว้ที่ 17.00 น.แล้ว แม้การประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(ก.ก.ต.)ยังอีกไกล เพราะมีขั้นตอนที่มีกรอบเวลาตามกฎหมายกำกับไว้ แต่การเมืองจะขับเคลื่อนต่อทันที เมื่อเริ่มปรากฎผลการนับคะแนนเริ่มปรากฎ  คณิตศาสตร์การเมืองจะเริ่มทำงานทันทีในการจับกลุ่มผนึกขั้วรวม"เสียงข้างมาก"เพื่อกำหนดตัวนายกฯและการฟอร์มครม.กันต่อไป

การเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้สร้างปรากฎการณ์หลายอย่าง ทั้งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบในการจัดเลือกตั้งใหม่ เป็นการเลือกตั้งที่สำเร็จ(หากไม่มีเหตุแทรกซ้อน)ครั้งแรกในรอบ 8 ปี นับแต่การเลือกตั้ง 2554 ในห้วงความขัดแย้งยืดเยื้อทางการเมือง เพื่อกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยอีกครั้ง ทำให้เกิดความตื่นตัวอย่างกว้างขวาง ทั้งซีกพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ลงสนามถึง 11,181 คน จาก 81 พรรคการเมือง มีพรรคถูกยุบก่อนวันเลือกตั้ง มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้ากว่า 2 ล้านคน พรรคการเมืองออกนโยบายหาเสียงสู้กันสร้างทางเลือกให้ประชาชนที่ให้ความสนใจต่อเนื่อง คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งสูงกว่าทุกครั้ง โดยอาจสูงถึง 85%
          24มีนาฯ 51ล้านเสียงชี้ชะตาอนาคตประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย (ณ กุมภาพันธ์ 2562) ระบุ มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศทั้งสิ้น 51,419,975 คน เป็นชาย 24,801,527 คน หญิง 26,618,448 คน

ทั้งนี้ กลุ่มFirst Time Voter หรือ ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก คือกลุ่มอายุ 18-25 ปี มีจำนวน 7,339,772 คน เเป็นที่หมายตาของหลายพรรค เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนดังกล่าว คำนวณแล้วจะได้ผู้แทน 80-100 คนทีเดียว ถึงกับมีนโยบายคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ หรือประกาศตัวเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่
24มีนาฯ 51ล้านเสียงชี้ชะตาอนาคตประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความตื่นตัวไปใช้สิทธิเลือกตั้งคราวนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและทุกกลุ่มอายุ หากออกไปใช้สิทธิกันอย่างล้นหลาม อาจผ่าทางตันที่หลายฝ่ายหวั่นว่าการเมืองจะติดล็อค เพราะคาดกันว่าจากคะแนนพื้นฐานพรรคตัวเลขส.ส.ที่ได้ จะไม่มีใครชนะขาด ขณะที่ต่างเสนอตัวเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และตั้งเงื่อนไขไม่ร่วมกับพรรคที่เหลือ 

ขณะที่การแข่งขันดุเดือดก่อนถึงวันหย่อนบัตร มีการแขวนป้ายกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้บรรยากาศความขัดแย้งคุกรุ่นรอปะทุอีกรอบ จนวิตกกันว่าการเมืองไทยจะก้าวไม่พ้นหล่มความขัดแย้ง

พลังเงียบหรือกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51.4 ล้านคน  จึงเป็นตัวแปรหากเทให้พรรคไหนเหมือนมอบสิทธิให้ได้จัดตั้งรัฐบาลและกำหนดตัวนายกฯคนใหม่ เป็นการกำหนดเส้นทางเดินประเทศจากนี้ไป
24มีนาฯ 51ล้านเสียงชี้ชะตาอนาคตประเทศ