“สนธิรัตน์”ย้ำนโยบายค่าแรงไม่ปรับทันที-มีขั้นตอน ถกสภาอุตฯจันทร์นี้

"สนธิรัตน์"ยันนโยบายค่าแรง ไม่ประชานิยม ไม่ปรับทันที ต้องมีขั้นตอน ชี้แก้ปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ เผย “อุตตม”เตรียมถกสภาอุตสาหกรรมจันทร์นี้
 
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วย  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตปทุมวัน-บางรัก และสาทร น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ลงพื้นที่ไปพบปะพี่น้องประชาชนที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และตลาดสะพาน 2 

ทั้งเดินรณรงค์เชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ พร้อมขอคะแนนเสียงสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่บรรยากาศก็เป็นไปอย่างคึกคัก มีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูป และให้กำลังใจอย่างมากมาย

นายสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงอยากขอโอกาสให้พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ส่วนตัวมีความมั่นใจ ว่าจะสามารถปักธงในพื้นที่ของกทม.ได้อย่างแน่นอน 

ในส่วนของการเปิดคลิปวิดีโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บนเวทีปราศรัย 2 ครั้งก่อนหน้านี้นั้น  นายสนธิรัตน์ ชี้แจงว่า อย่างน้อยพี่น้องประชาชนก็หายคิดถึง เพราะจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา มีพี่น้องประชาชนหลายคนเข้ามาสอบถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่มาหาเสียงด้วยหรือไม่ พรรคฯ ต้องทำตามข้อจำกัด ซึ่งอย่างน้อย ก็จะทำให้นายกฯ ได้มีโอกาสคุยกับพี่น้องประชาชน 
ส่วนการจับขั้วทางการเมือง นายสนธิรัตน์ บอกว่า สิ่งนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อเห็นผลของคะแนน ฉะนั้นการจับขั้วตั้งแต่เริ่มต้น มันเหมือนการบังคับให้พี่น้องประชาชนมีข้อจำกัด มันก็จะทำให้ประเทศไม่มีทางออก พรรคพลังประชารัฐย้ำเสมอ ว่าการไปตั้งเงื่อนไขตั้งแต่ต้น มันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าของประเทศ 

นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงกระแสนโยบายค่าแรง 400-425 บาท ของพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้ ว่า นโยบายค่าแรง คือระบบที่นำมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงแรงงาน แต่จากที่ทางพรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าหมายในเรื่องค่าแรงก่อนหน้านี้ คือต้องการที่จะยกระดับผู้ใช้แรงงาน พรรคไม่ได้ทำแบบในอดีตที่ผ่านมา 

“นโยบายค่าแรงแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยใช้นโยบายเปลี่ยนแปลงระบบแรงงาน เปลี่ยนความสามารถดำเนินการของเอสเอ็มอีทั้งระบบ ที่ผ่านมาพูดถึงค่าแรงจะขึ้นปีละ 2 บาท 5 บาท เป็นแค่การให้ยาพาราเซตามอล แต่ไม่ได้แก้ปัญหายกโครงสร้างแรงงานทั้งระบบเพื่อรองรับการที่จะนำไปสู่นวัตกรรม เอสเอ็มอีไม่มีโอกาสปรับตัว แต่นโยบายของพรรคจะยกระดับแรงงานโดยฝึกทักษะให้พร้อมด้วย เช่น ค่าแรง 300 บาท เมื่อยกระดับฝีมือแล้วทำงานได้มาก ค่าแรงที่ 400 บาท อาจทดแทนคนที่ได้ 300 บาท 2-3 คน นโยบายของเราไม่ได้มองแค่เรื่องค่าจ้าง แต่จะมองกลไกแก้ปัญหาทั้งระบบ” 

นายสนธิรัตน์ ย้ำว่า  พรรคได้พูดคุยกับภาคธุรกิจในเรื่องดังกล่าวบ้างแล้ว และเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยวันที่ 18 มี.ค.นี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จะพูดคุยในงานของสภาอุตสาหกรรม ยืนยันว่าพรรคไม่ได้ใช้ราคาเกษตรและค่าแรงเป็นประชานิยม ทำทั้งระยะสั้นและระยะยาว 

“พรรคไม่ได้ทำแบบในอดีตที่ทำแบบประชานิยมเอาตัวเลขเป็นตัวตั้ง และหวังความนิยมจากผู้ใช้แรงงาน แต่จะใช้นโยบายเปลี่ยนแปลงยกระดับทางระบบที่ติดขัด เราไม่ได้ทำนโยบายฉาบฉวย ไม่ได้หวังเสียงตัวเลข400-425 บาท ขึ้นอยู่กับทักษะแรงงาน โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน มีการวัดระดับทักษะจึงจะปรับค่าแรง ไม่ใช่ปรับทันที ต้องมีขั้นตอน ขณะที่ผู้ประกอบการจะได้รับประโยชน์ด้านภาษีเมื่อยกระดับผู้ใช้แรงงานแล้ว เป็นต้น ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องนี้ เชื่อมั่นว่านโยบายทำได้จริงเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน และความเข้มแข็งของประเทศ”