นายกฯย้ำต้องนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน

26 ก.ค. 2561 | 10:22 น.
20180726111050
-26 ก.ค.2561-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.15 น. ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” คณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมคู่สมรส ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และประชาชนร่วมพิธี เพื่อช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ริมคลองเปรมประชากร และคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา 28 กรกฎาคม 2561

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์และปฏิบัติการจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ วันนี้ได้เห็นทุกท่านทั้ง ครม. ข้าราชการ เอกชน นักศึกษาและประชาชนผู้มีจิตอาสา แสดงให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสาอย่างพร้อมเพรียง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2561

" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโครงการจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อปลุกจิตสำนึกประชาชนคนไทยให้รู้รักสามัคคี มีจิตสำนึกสาธารณะ มีความเอื้อเฟื้อ รู้จักแบ่งปันซึ่งกันและกัน โดยร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่สังคม ชุมชนและประเทศชาติ วันนี้การปฏิบัติการจิตอาสาได้แผ่ขยายไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆ ด้าน ซึ่งกิจกรรมรณรงค์และปฏิบัติการจิตอาสาในวันนี้ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง ที่ทุกภาคส่วนจะได้มาร่วมกัน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ พร้อมใจกันทำกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ เพื่อร่วมปฏิบัติการจิตอาสาบริเวณคูคลองในพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล หวังว่าทุกท่านจะสามารถปฏิบัติภารกิจของแต่ละคนตามกำลังความสามารถและความพร้อมของสุขภาพร่างกาย ด้วยความมีวินัยและความมีน้ำใจต่อกัน เพื่อให้การงานต่างๆสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้" นายกรัฐมนตรีกล่าว
20180726111055 โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้นำจิตอาสา กล่าวปฏิญาณตนว่า “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” 3 ครั้ง ก่อนปล่อยขบวนรถยนต์และปล่อยแถวขบวนจิตอาสาเพื่อทำกิจกรรม ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ครม.และคู่สมรส ได้ร่วมกิจกรรมจุดแรกโดยร่วมปลูกรวงผึ้ง และต้นทองอุไร บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ช่วยการทำความดีเพื่อบ้านเมือง ก่อนฉีดน้ำล้างพื้นผิวถนน และทางเท้าบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ส่วนจุดที่ 2 นายกฯ และคู่สมรส ได้ร่วมทาสีสะพานอรทัยและเสาไฟ ขณะที่จิตอาสาได้ร่วมกันตัดแต่งกิ่งไม้ จุดที่ 3 พล.อ.ประยุทธ์ เดินตรวจเยี่ยมและแจกอาหารและน้ำดื่มให้กับจิตอาสา จุดที่สี่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินตรวจเยี่ยมตามถนนพระราม 5 ถึงสะพานชมัยมรุเชฐ และข้ามถนนพิษณุโลก เพื่อไปแจกอาหารและน้ำดื่มแก่จิตอาสานักเรียนโรงเรียนราชวินิต มัธยมที่ร่วมกิจกรรม พร้อมร่วมกิจกรรมการขุดลอกคูคลองบริเวณริมคลองข้างโรงเรียนราชวินิตมัธยม จากนั้นหลังเสร็จพิธีขุดลอกคูคลอง คณะรัฐมนตรี และคู่สมรส กลับสู่ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สมัยเป็นเด็กนักเรียนก็ได้ทำงานเช่นนี้มาโดยตลอด ซึ่งเราต้องช่วยกันทำ เพราะจะไม่สำเร็จถ้าไม่ร่วมมือกัน และในโครงการจิตอาสาที่มาร่วมกันทำในวันนี้ เราต้องศึกษาเรื่องทั้งในและต่างประเทศว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสะอาดและสวยงาม ผู้ว่าฯ กทม. กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นๆต้องเร่งเพื่อขยายผลให้เกิดรูปธรรม รัฐบาลจะให้การสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือ โดยเฉพาะการบำบัดน้ำเสีย และการรักษาแม่น้ำคูคลอง ซึ่งนอกจากจะได้ความสะอาดแล้ว ยังแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง สิ่งสำคัญประชาชนที่อาศัยตามแม่น้ำและริมคลอง อย่าทิ้งขยะลงน้ำ

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใย จึงมีแนวพระราชดำริลงมา ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะขยะทุกชิ้นเกิดจากฝีมือมนุษย์

ปัจจุบันเราเสียค่าเก็บขยะประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลต้องเติมงบกลางลงไปเพื่อบริหารจัดการเป็นหมื่นล้าน จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับโครงการจิตอาสา ทั้ง 256 คลองใน กทม.จะต้องสะอาดให้ได้ ทุกคนต้องทำให้หน้าบ้านและหลังบ้านเหมือนกัน

20180726111145

ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ว่า กทม.นำต้นไม้ไปปลูกริมคลองด้วย เพื่อความสวยงาม วันนี้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือ การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน แม้งบประมาณจะสูงถึงกิโลเมตรละเป็นร้อยล้าน แต่อนาคตจะต้องลงใต้ดินทุกสาย รวมทั้งในต่างจังหวัด ทุกอย่างต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำปฏิบัติกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ว่า เราได้ทำกิจกรรมทำความดีด้วยหัวใจ ทุกคนก็ได้สมัครเป็นสมาชิกจิตอาสา ได้รับพระราชทางเครื่องหมาย หมวก และอะไรต่างๆ โดยที่เราทำวันนี้ไม่ได้ห่วงว่าทำเพื่อการประชาสัมพันธ์ แต่ทำเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าบ้านเมืองเป็นของพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามมันมีผลกระทบทั้งสิ้น ถ้าเราไม่รักกัน ไม่ร่วมกันแก้ปัญหา เอาแต่ปัญหาของตัวเองมาเผชิญหน้ากันก็แก้ไม่ได้สักอัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย

“ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะให้เอาอำนาจไปไว้ที่ใครอย่างที่เขียนกันว่าไปเอื้อประโยชน์ให้คนนี้คนโน้น ไม่ใช่ ต้องไปดูว่าปัญหาเดิมอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงต้องแก้ไขกฎหมาย หรือแม้แต่ออกมาตรา 44มาต้องดูวัตถุประสงค์ว่าเพื่ออะไร ไม่เช่นนั้นใครจะกล้าทำ ถ้าจะทำเพื่อเอาประโยชน์ตรงนี้ไปให้ใครได้ประโยชน์คนเดียว ตนทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ตนไม่เคยคิดแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เวลาไปต่างจังหวัดจะทำอย่างไรให้ทั่วถึง ทำอย่างไรให้เกิดกิจกรรมที่เกิดผลประโยชน์โดยตรงกับพื้นที่ ผลประโยชน์โดยอ้อมก็ต้องไปเกิดกับคนอื่นด้วย หรือเรียกว่าการทำงานโดยการใช้งบประมาณให้เกิดผลประโยชน์โดยตรง และโดยอ้อมกับคนอื่น การใช้งบประมาณต้องเป็นแบบนี้ วันหน้าครม.ก็ต้องทำงานแบบนี้ โครงการที่เหลือที่จะเข้าครม.ก็ต้องตอบคำถามได้ มีการประเมินล่วงหน้าว่าใน 1-2 ปี จะเกิดอะไรขึ้น โดยโครงการในระยะยาวก็ต้องตอบคำถามให้ได้อีกว่า ระหว่างที่ยังไม่เสร็จทั้งโครงการจะมีอะไรเกิดขึ้นให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้เป็นคนที่ย่อยโครงการออกมาอีก ในการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้ามันใหญ่มากเกินไป 4-5 ปีกว่าจะเสร็จ ถึงตอนนั้นปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น ปัญหาเก่าก็ยังไม่ได้แก้ หลักการเป็นอย่างนี้ เราก็พยายามทำเต็มที่

20180726111151 เรื่องขยะถือมีความสำคัญที่สุด เดิมมีกฎหมายอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนไม่ต้องการขยะในพื้นที่ตัวเอง เราไปบังคับไม่ได้ พวกเขาก็อ้างว่าไม่มีกฎหมายที่จะทำให้สามารถจัดการขยะได้ จึงต้องมีมาตรา 44 เรื่องผังเมือง ซึ่งไม่ใช่ปลดล็อกเพื่อให้ใครหรือเจ้าใดเจ้าหนึ่งมาทำ ก็ต้องไปหาคนมาทำ ไม่เช่นนั้นก็ดำเนินการไม่ได้ เพราะพื้นที่นั้นห้ามมีของเสีย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องตอบคำถามเรื่องการแก้ปัญหาสังคมและขยะได้ หน้าที่นี้เป็นของท้องถิ่น ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล

กระทรวงมหาดไทยก็สั่งไม่ได้ เพียงแต่กำกับดูแลให้ท้องถิ่นทำตามนั้น โดยที่ไม่มีการเคลื่อนย้ายขยะที่เรี่ยราดอยู่ในวันนี้ โดยขยะในบ้างพื้นที่ เช่นที่จ.ระยองขยะบางส่วนต้องขนไปทิ้งที่จ.สระบุรี นั่นคือเหตุผลที่ออกมาตรา 44เพื่อปลดล็อกเรื่องผังเมือง ให้สามารถทำโรงงานขยะได้ แต่การจะเอาขยะไปฝังกลบหรือเอาไปทำเป็นปุ๋ยหรือพลังงานก็มีกฎหมายของกระทรวงพลังงานอยู่ว่าท้องถิ่นสามารถทำเองได้หรือไม่ หรือจะร่วมกับใครได้หรือไม่ ขอให้ดูให้ลึกซึ้งหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเราวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์กันแบบเดิม มันก็กลับไปที่เก่า กลายเป็นว่าเอาประโยชน์ไปเอื้อใคร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“มหาดไทยจะได้ประโยชน์ตรงไหน ในเมื่อเพียงกำกับดูแล ไม่ได้เป็นคนอนุญาตสร้างโรงงานอะไรต่างๆ เป็นเรื่องของท้องถิ่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและให้กำลังใจจิตอาสา ที่มาร่วมกิจกรรมทำความดี อย่างใกล้ชิด พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน ดูแลรักษาความสะอาดบ้านเมือง โดยขอว่าให้ทุกคนร่วมมือกันทิ้งขยะให้ถูกที่ และใช้โอกาสชี้แจงการปลดล็อกพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองบางฉบับ ว่าเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการขยะในพื้นที่ได้เอง โดยที่ไม่ต้องขนย้ายออกนอกพื้นที่ ให้เสียงบประมาณเพิ่มเติม จึงขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็น ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์กับใคร กลับจะช่วยลดการใช้งบประมาณที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้