5สมาคมสื่อโทรทัศน์ยื่นหนังสือสนช.ขอปรับแก้ร่างกม.กสทช.

30 ต.ค. 2560 | 10:43 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2560 | 17:43 น.
5สมาคมสื่อโทรทัศน์ยื่นหนังสือสนช. ขอให้ปรับแก้ไขร่างกฎหมายกสทช. ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีหลอมรวมสื่อ หวังลดอุปสรรคในการประกอบกิจการโทรทัศน์

วันนี้(30 ต.ค.2560) เว็บไซต์ http://www.radioparliament.net รายงานว่า  พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับหนังสือจากตัวแทน 5 สมาคมสื่อโทรทัศน์ นำโดยนายสุภาพ  คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) และตัวแทนจากสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียมแห่งประเทศไทย สมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิลทีวี และสมาคมโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี เพื่อเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เนื่องจากไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมในปัจจุบัน

org_5879330844

โดยแบ่งประเภทกิจการที่ใช้คลื่นความถี่กับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ แต่การกำกับดูแลกลับใช้กฎหมายควบคุมการประกอบกิจการโทรทัศน์ทั้งระบบ ให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่กำหนดให้เป็นกิจการบอกรับสมาชิกทั้งระบบ ไม่สอดคล้องกับการประกอบกิจการของแต่ละประเภท ประกอบกับปัจจุบันเทคโนโลยีการรับชมโทรทัศน์ เกิดการหลอมรวมระหว่างสื่อและโทรคมนาคม ผู้ชมสามารถรับชมโทรทัศน์ผ่านผู้ให้บริการสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (OTT) โดยที่ผู้ให้บริการไม่ต้องลงทุนโครงข่ายสัญญาณเอง อาทิ Facebook และ Youtube ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย แต่ประกอบกิจการในประเทศ ไม่สามารถขอใบอนุญาตได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ไทยที่มีต้นทุนสูงจากค่าใบอนุญาต และมีข้อจำกัดในการหารายได้จากค่าโฆษณา บางรายประสบภาวะขาดทุนจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้ แต่ไม่สามารถโอนใบอนุญาตให้บุคคลอื่นได้ นอกจากนี้ ผู้รับใบอนุญาตโทรทัศน์ระบบดิจิตอลต้องจ่ายค่าตอบแทนการใช้บริการภาคพื้นดินที่แตกต่างกันทั้งคุณภาพและราคา เกิดความไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งส่งผลต่อรายได้จากอัตราโฆษณาด้วย จึงมองว่าหากไม่มีการปรับแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผู้ประกอบการโทรทัศน์ไทยอาจประกอบธุรกิจต่อไปได้ยาก และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรทัศน์ทั้งระบบ

นอกจากนี้ ขอให้กรรมาธิการฯ พิจารณาปรับแก้ไข พ.ร.บ. กสทช. พ.ศ.2553 โดยทบทวนคุณสมบัติของกรรมการ กสทช.ที่กำหนดให้ต้องมีผู้บริหารที่ประกอบกิจการวงโคจรดาวเทียม และผู้สมัครต้องมีประสบการณ์ด้านการบริหารกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปี และห้ามบริหารงานในระยะเวลา 1 ปีก่อนได้รับการเสนอชื่อ โดยเงื่อนไขดังกล่าวเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม

ด้านพล.ร.อ.ทวีวุฒิ กล่าวว่า กรรมาธิการฯ จะนำข้อเสนอข้างต้นมาประกอบการพิจารณาปรับแก้ไขกฎหมายกสทช.ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการปรับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีอยู่ 4 ฉบับ ให้รวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีหลอมรวมสื่อ และเมื่อกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ สนช.จะเชิญตัวแทนจากสมาคมสื่อมาให้ข้อมูลอีกครั้ง e-book