“ทัพเรือ”จัดงานรำลึกวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

13 ก.ค. 2560 | 07:28 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2560 | 14:28 น.
กองทัพเรือ จัดงาน “รำลึกวิกฤตการณ์ ร.ศ.112” ครบรอบ 124 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 กรกฎาคม) พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 5 เนื่องในงาน “รำลึกวิกฤตการณ์ ร.ศ.112” ครบรอบ 124 ปี ณ บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 5 และรำลึกถึงวีรชนในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

1

ทั้งนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 5 เป็นยุคที่ประเทศมหาอำนาจล่าอาณานิคมโดยมีเป้าหมายที่ประเทศในแถบเอเชียซึ่งมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ด้วยพระวิจารณญาณและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์โปรดให้สร้างป้อมปราการที่ทันสมัยขึ้นและได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 155 มม.จำนวน 7 กระบอกเป็นอาวุธหลักของป้อม (ปืนเสือหมอบ) ทำให้ป้อมนี้เป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยมากที่สุดในเวลานั้น บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบกับงบประมาณรายได้ของแผ่นดิน ทรงทดลองยิงปืนเสือหมอบและได้พระราชทานชื่อป้อมแห่งนี้ว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า”

5

ภายหลังการสร้างป้อมพระจุลจอมเกล้าเสร็จลง ป้อมนี้ก็ได้มีส่วนสำคัญในการต่อสู้ในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 วันแห่งประวัติศาสตร์ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2436 (ร.ศ.112) โดยหมู่เรือรบฝรั่งเศสได้ส่งเรือปืน ชั้น 1 คือ แองกองสตังค์และเรือปืนโคเมตล่วงล้ำผ่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา แม้ปืนจากป้อมพระจุลจอมเกล้าได้ยิงปืนเตือนแต่เรือฝรั่งเศสยังแล่นรุกล้ำเข้ามา

 

4

ขณะที่เรือรบฝ่ายไทย ประกอบด้วย เรือมกุฎราชกุมาร เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ เรือหาญหักศัตรู เรือนฤเบนทร์บุตรี เรือทูลกระหม่อม ซึ่งเรือที่ทันสมัยมีเพียงเรือมกุฎราชกุมาร และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ นอกจากนั้นเป็นเรือล้าสมัย หรือเรือกลไฟประจำในแม่น้ำ ซึ่งแม้เรือรบฝ่ายไทยจะทำการต่อสู้อย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ด้วยศักยภาพของเรือฝรั่งเศสที่เหนือกว่า ทำให้เรือรบของฝรั่งเศสแล่นผ่านเข้ามาจอดที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส

 

6

การรบครั้งนั้นทหารฝ่ายไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 40 นาย ทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 3 นาย และไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ดินแดนลาวเกือบทั้งหมด) รวมทั้งแคว้นสิบสองจุไทยให้เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

7

หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯทรงพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ โดยส่งพระราชโอรสหลายพระองค์ไปศึกษาในยุโรป ทรงเห็นความสำคัญของการให้คนไทยทำหน้าที่แทนชาวต่างประเทศในตำแหน่งสำคัญทางทหาร ทรงจัดการการศึกษาแก่ทหารเรือไทยจนเกิดมีโรงเรียนนายเรือขึ้น ทรงเจริญพระราชไมตรีกับนานาประเทศ  ทรงส่งราชทูตไปประจำประเทศต่างๆ และได้เสด็จประพาสประเทศต่างๆ ในยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธ์ไมตรี นับเป็นพระปรีชาสามารถในการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สำคัญทำให้ไม่มีชาติใดมารุกรานไทยเช่นนี้อีก