"ชายหาดเป็นของใคร?” พื้นที่สาธารณะ ที่ผูกขาดโดยบางคน

04 มี.ค. 2567 | 05:09 น.

กางกฎหมายที่ใช้ดูแลพื้นที่ “ชายหาด“ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ สมบัติของแผ่นดินที่ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน บุกรุกครอบครองไม่ได้

ฝรั่งทำร้ายร่างกายหมอ ไล่พ้นบันไดวิลลาเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กระทั่งชาวภูเก็ตนัดรวมตัวแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ เพื่อขับไล่ฝรั่ง "เดวิด" ที่ชายหาดใกล้บันไดจุดเกิดเหตุ แถมงานเข้า เนื่องจากล่าสุดนายอำเภอลงพื้นที่พร้อมนายกเทศมนตรี พบบันไดจุดเกิดเหตุ ขั้นที่ 2 - 4 ก่อสร้างรุกพื้นที่สาธารณะชายหาด พร้อมสั่งแจ้งความเพื่อรื้อทิ้งทันที 

ว่าด้วยเรื่อง "ชายหาด" เป็นของใคร

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล มีประเด็นการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ชายหาด มีการสั่งรื้อถอนอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ    

ขณะที่ "เศรษฐกิจภูเก็ต" ผูกพันกับเศรษฐกิจการท่องเที่ยว อาจสร้างความเหลื่อมล้ำในหลายมิติให้คนท้องถิ่น เช่น ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงชายหาด

อย่างกรณีที่เคยเกิดขึ้น เมื่อปี 2565 ดีเอสไอ สนธิกำลังหน่วยงานภาครัฐ 20 แห่ง ปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทวงคืนที่ดินสาธารณะ 178 ไร่ เรียกได้ว่าเป็นการปิดตำนานบุกรุกหาดเลพัง-ลายัน มูลค่า 50,000 ล้านบาท

ถามว่า ชายหาดเป็นของใคร ? ไม่ใช่ของเราแน่ๆ และก็ไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสมบัติของคนทุกคน  

นิยามของ "ชายหาด" หมายถึง ที่ดินที่น้ำทะเลขึ้นและลง เป็นที่ดินที่น้ำท่วมถึง จรดไปถึงแนวพันธุ์พืชและพันธุ์ไม้ของแผ่นดิน จากจุดนี้ลงไปสุดทะเล เป็น "ชายหาด" ที่ดินสาธารณะเป็นสมบัติของแผ่นดินที่ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน

แต่ส่วนใหญ่ในพื้นที่ชายหาดท่องเที่ยวที่มีโรงแรมและรีสอร์ทตั้งอยู่ มักจะมีการกั้นรั้วปิดทางขึ้นและลง ห้ามให้ผู้อื่นเข้าพื้นที่หน้าหาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สะท้อนภาพชีวิตตามวิถีไทยที่คนจัดการพื้นที่ชายหาดจนกลายเป็นพื้นที่สาธารณะกึ่งส่วนตัว เเละยังสะท้อนให้เห็นช่องว่างของการใช้อำนาจควบคุมดูแลจากรัฐ

สถานะทางกฎหมายของชายหาด

ตามมาตรา 1304 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

  • ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน
  • ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ
  • ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่า ป้อมและโรงทหาร สำนักราชการบ้านเมือง เรือรบ อาวุธยุทธภัณฑ์ 

ตามมาตรา 1305 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ชายหาดถือเป็นที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งถือว่าชายหาด และหาดทราย จัดว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐอีกประเภทหนึ่ง ย่อมทำให้ที่ดินลักษณะดังกล่าวไม่สามารถโอนให้แก่กันได้

ตามมาตรา 1306 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

หากมีการเอกสารสิทธิในที่ดินลักษณะนี้ อาจมีการถูกเพิกถอนเอกสารได้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ทำให้ผู้ขอออกเอกสารสิทธิไม่ได้มีสิทธิความเป็นเจ้าของในที่ดินนั้นได้ ผู้ที่ครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ไม่อาจยกข้อต่อสู้เกี่ยวกับอายุความกับรัฐไม่ได้ 

แม้ว่า ชายหาด และหาดทราย จะไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันก็ตาม ชายหาด และหาดทราย ก็ยังเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตราบที่ยังไม่มีการออกกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาให้ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน