“เบนซ์ เรซซิ่ง” ในวันที่ได้รับอิสรภาพ คดีค้ายา-ฟอกเงิน

นายอัครกิตติ์ อัครกิตติ์ หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" จำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นและเป็นผู้สนับสนุนการค้ายาเสพติดของกลาง ในคดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ล่าสุด ศาลฎีกายกฟ้อง "เบนซ์ เรซซิ่ง" ในข้อหาสมคบค้ายาเสพติด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนความผิดฟอกเงินในชั้นอุทธรณ์ เหลือจำคุกครบ 3 ปี 4 เดือน ซึ่งนายเบนซ์ อยู่ในเรือนจำครบจำนวนวันแล้ว จึงให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำ วันนี้เวลา 18.00 น.

ย้อนรอยคดี "เบนซ์ เรซซิ่ง" 

ปี 2560 

วันที่ 19 ม.ค. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมตัว ไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวสปป.ลาว ฉายาราชายาเสพติดรายใหญ่ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนขยายผลจับกุมนายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ให้การซัดทอด ทรัพย์สินจากการกระทำความผิดไปไว้ที่ เบนซ์ เรซซิ่ง 

วันที่ 2 ก.พ. ตำรวจ ปส. ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ รวม 40 จุด ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เข้าตรวจค้นที่พักของ เบนซ์ เรซซิ่ง แต่ไม่พบตัว ตรวจค้นร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ของเบนซ์บริเวณชั้นล่างของอาคาร ยึดรถหรูลัมโบร์กินี มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เคทีเอ็ม รุ่นซุปเปอร์ดุ๊ก รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และปืน 2 กระบอก 

วันที่ 3 ก.พ.เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าให้ปากคำชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สิน ยอมรับว่ารู้จักกับบอย แต่อ้างไม่รู้ว่าเบื้องหลังว่าทำธุรกิจอะไร ซึ่งบอยได้ให้ยืมเงิน 6 ล้านบาท เพื่อซื้อรถลัมโบร์กินี 

วันที่ 7 ก.พ.ไผ่ ลิกค์ พร้อมเพื่อน เข้าให้ปากคำชี้แจงเรื่องที่เบนซ์ เรซซิ่ง และบอย มาปรึกษาเรื่องซื้อรถลัมโบร์กินี โดยให้การว่าไม่รู้จักทั้งสองเป็นการส่วนตัว 

วันที่ 8 ก.พ. นายณัฐวัฒน์ หรือ เอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถย่านพระราม 3 เข้าให้ปากคำกรณีการซื้อขายรถลัมโบร์กินีให้ เบนซ์ เรซซิ่ง ยืนยันว่าเป็นการซื้อขายรถมือสองถูกต้องตามกฎหมาย ตำรวจจึงสั่งยึดทรัพย์สินชั่วคราวของ บอย นาคคำ และเบนซ์ เรซซิ่ง รวม 12 รายการ 

วันที่ 16 ก.พ.เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 พร้อมหลักฐานการกู้เงิน และแหล่งที่มารายได้มามอบให้ตรวจสอบ 

วันที่ 3 มี.ค. ตำรวจออกหมายเรียก เบนซ์ เรซซิ่ง รับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ ฟอกเงิน 

วันที่ 6 มี.ค.เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าพบ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการ ปส. รับทราบข้อกล่าวหา ก่อนถูกควบคุมตัวฝากขังศาลอาญา ได้ยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อขอประกันตัว 

วันที่ 7 มี.ค. ผลตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของเบนซ์ เรซซิ่ง พบมีการทำธุรกรรมทางการเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เมื่อสอบถามแหล่งที่มาเจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงได้

ปี 2561 

วันที่ 7 ก.ย. ศาลอาญา มีคำพิพากษาสั่งจำคุก เบนซ์ เรซซิ่ง 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน (คดีเครือข่ายไซซานะ นักค้ายาเสพติด) และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติด เบนซ์ได้ยื่นสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ วางหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีวงเงิน 1 ล้านบาท ศาลอนุมัติให้ประกันตัว แต่ต้องสวมกำไลอีเอ็ม (EM) ด้วย 

ปี 2562 

ต่อมาช่วงปลายปี ศาลอนุญาตให้ เบนซ์ เรซซิ่ง ปลดกำไลอีเอ็ม (EM) ได้ แต่ต้องมารายงานตัวทุก 2 เดือน 

ปี 2563 

วันที่ 24 มิ.ย.ครบกำหนดนัดรายงานตัวต่อศาล แต่เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้มา อ้างว่าจำวันผิดว่าเป็นวันที่ 25 มิ.ย.63 

ปี 2564 

วันที่ 11 ก.พ. ศาลนัดฟังคำพิพากษา เบนซ์ เรซซิ่ง พร้อมจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้ง 3 มีความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และพ.ร.บ.การฟอกเงิน การกระทำของเบนซ์เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับเงิน 5 ล้านบาท ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันจำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงรวมจำคุก 36 ปี 8 เดือน และปรับ 3.33 ล้านบาท จำเลยขอฎีกา 

ปี 2566 

วันนี้ 24 ต.ค.66  ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เบนซ์ เรซซิ่ง , นายสรรเสริญ หรือ เน็ต และ น.ส.อังสุพร หรือ อุ้ม สองสามีภรรยา จำเลยที่ 1 - 3  ผิดฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันฟอกเงิน