สวนสัตว์เชียงใหม่ เผยสาเหตุการเสียชีวิตของหมีแพนด้า"หลินฮุ่ย"

23 พ.ค. 2566 | 12:31 น.

สวนสัตว์เชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ฉบับ 2 เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ "หลินฮุ่ย"อยู่ในวัยชรา หลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพ -เกิดการแข็งตัว นำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือดในอวัยวะต่างๆ

โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย สวนสัตว์เชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่อง สาเหตุการเสียชีวิตของหมีแพนด้าหลินฮุ่ย โดยระบุว่า หลินฮุ่ยเป็นหมีแพนด้าเพศเมีย อายุ 22 ปี อาศัยอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ และได้เสียชีวิตลงจากอาการป่วยเฉียบพลันเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 02.00 น. (เวลาจีน) เวลาไทยประมาณ 01.10 น.

หมีแพนด้า หลินฮุ่ย

โดยหลังจากหมีแพนด้าหลินฮุ่ยได้เสียชีวิตลง ทางฝ่ายจีนได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีการเตรียมการอย่างเร่งด่วนและจัดสรรให้คณะผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน (CWCA) เดินทางมาประเทศไทยเพื่อสืบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของหมีแพนด้าหลินฮุ่ย โดยมีผู้เชี่ยวชาญระหว่างฝ่ายจีนและฝ่ายไทยได้ร่วมมือกันผ่าร่างและชันสูตร ตลอดจนการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจำนวน 50 กว่าตัวอย่างของหมีแพนด้าหลินฮุ่ย
 

ผลการชันสูตรพบว่า หมีแพนด้าหลินฮุ่ยอยู่ในวัยชรา ทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพและเกิดการแข็งตัว นำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือดในอวัยวะต่างๆ เป็นผลทำให้เสียชีวิต สำหรับการที่มีเลือดกำเดาไหลนั้น มีสาเหตุจากการเกิดเนื้องอกในหลอดเลือดโพรงจมูก

 

หลังจากที่คณะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายจีนได้ประเมินการปฏิบัติงานด้านต่างๆโดยละเอียด พบว่า สถานที่เลี้ยง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ทีมพี่เลี้ยง ทีมสัตวแพทย์ มีการจัดการด้านโภชนาการอาหารและสุขอนามัยต่างๆเป็นไปตามมาตรฐานเงื่อนไขของการบริหารจัดการเลี้ยงหมีแพนค้าและการควบคุมโรค
หมีแพนด้า หลินฮุ่ย ในสวนสัตว์เชียงใหม่


ความร่วมมือวิจัยหมีแพนด้าของฝ่ายจีนและฝ่ายไทยได้ดำเนินการมาร่วม 20 ปี อาทิ การขยายพันธุ์หมีแพนด้าที่ใกล้สูญพันธุ์ การป้องกันควบคุมโรค ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สาธารณะของทั้งสองประเทศเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลสัมฤทธิ์ในทิศทางที่ดี มีส่วนทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากยิ่งขึ้น จากการเสียชีวิตของหมีแพนด้าหลินฮุ่ย ทำให้ทั้งสองประเทศมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในลำดับต่อไป ฝ่ายจีนและฝ่ายไทยจะร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

สวนสัตว์เชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ฉบับ 2 เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ "หลินฮุ่ย"