จากกระแสข่าวที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติแจ้งข้อกล่าวหาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวก รวม 46 ราย ในคดีจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจริยะ 260 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2561-2562
วันที่ 14 มี.ค.2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันแล้วว่า ที่ประชุมบอร์ดป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติเรื่องดังกล่าวแล้วจริง โดยการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขั้นตอนหลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามกฎหมาย กำหนดระยะเวลาภายใน 15 วันภายหลังได้รับแจ้งข้อกล่าวหา และสามารถยื่นหนังสือเข้ามาขอเลื่อนชี้แจงได้ โดยเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าจะอนุญาตให้เลื่อนชี้แจงหรือไม่
ที่มาของคดีดังกล่าวคือ เมื่อเดือน พ.ค. 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 เสนอให้มีการแต่งตั้งองค์คณะไต่สวน โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน
ในการไต่สวนโครงการรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC) จำนวน 260 คัน ตั้ง 4 ประเด็น คือ การอนุมัติให้ใช้วิธีจัดซื้อโดยวิธีการคัดเลือกชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หรือไม่
การจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือกเป็นเหตุให้ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือไม่ การกำหนดราคากลางชอบหรือไม่ และการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ จำนวน 260 คัน มีราคาแพงเกินจริงหรือไม่ และการไม่คิดค่าปรับและแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซิสเต็ม (คู่สัญญา) หรือไม่
สำหรับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในข่ายถูกไต่สวนคดีนี้ เบื้องต้นมีจำนวน 46 ราย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5 ราย กลุ่มคณะกรรมการพิจารณาคุณลักษณะเฉพาะพัสดุ 7 ราย กลุ่มคณะกรรมการร่างขอบเขตของงานกำหนดราคากลาง รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอ และคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีการคัดเลือก 3 ราย และกลุ่มบริษัทเอกชน 31 ราย
โครงการนี้มีบริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซิสเต็ม จำกัด เป็นคู่สัญญา โดยเป็นโครงการที่ 2 ต่อจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics ระยะที่ 1 วงเงิน 2.1 พันล้านบาท ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ถูกคนร้ายลอบยิงรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค. 2562
โดยเชื่อว่าเกิดจากสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) และสั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics ระยะที่ 1 พร้อมกับมีหนังสือถึง ผบ.ตร.ยุคนั้นคือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากเกิดความล่าช้า และส่งงานไม่ทัน พร้อมกับยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ