สธ.อนุมัติฉีดวัคซีนสูตรไขว้เพิ่ม“แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์”เลิกสั่งซิโนแวค

03 ก.ย. 2564 | 10:15 น.

สธ.อนุมัติฉีดวัคซีนสูตรไขว้เพิ่ม “แอสตร้าเซนเนก้า” เข็ม 1 ตามด้วยวัคซีน “ไฟเซอร์” เข็ม 2 สำหรับอายุ 18 ปีขึ้นไป คาดเริ่มได้เดือนหน้า พร้อมยุติสั่งซื้อวัคซีน “ซิโนแวค” เพิ่มแล้ว

วันนี้(3 ก.ย.64)  ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมสิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทย ว่า ฉีดวัคซีนไปทั้งหมด 34,292,537 โดส ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ประชาชนที่ได้รับวัคซีน 1 เข็ม มีจำนวน 24,542,140 ราย หรือร้อยละ 34.1, ประชาชนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีจำนวน 9,152,799 ราย หรือ ร้อยละ 12.7 จะเห็นได้ว่า ช่วงนี้การฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

 

ก่อนหน้านั้น มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ฉีดปฏิบัติการฉุกเฉินด้านและแพทย์และสาธารณสุขกรณีติดเชื้อโควิด-19 ( ศปก.สธ.) โดยมีมติอนุมัติสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย อาศัยคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งประชุมกันไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 โดยอาศัยข้อมูลวิชาการใหม่ๆ เช่น ผลการศึกษาวิจัยในต่างประเทศและการศึกษาในประเทศไทย

สำหรับสูตรแรก คือ การฉีดวัคซีนเป็นสูตรไขว้ เริ่มต้นด้วย สูตรวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 ส่วนเข็ม 2 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยจะเว้นระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ในระยะนี้จะใช้สูตรวัคซีนไขว้นี้เป็นสูตรหลักของประเทศไทยในกลุ่มเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไป

 

สูตรที่ 2 วัคซีนเข็มที่ 1 เป็นวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ให้เว้นระยะห่าง 4 ถึง 12 สัปดาห์ แล้วฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนไฟเซอร์ สูตรนี้ใช้ในกลุ่มผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม ซึ่งสูตรนี้จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในเดือนตุลาคม เมื่อมีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาในช่วงปลายเดือนนี้ โดยช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีตุลาคม-ธันวาคม จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เดือนละ 10 ล้านโดส

 

และสูตรที่ 3 การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น กรณีผู้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ให้เว้นระยะอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หลังการรับวัคซีนเข็มที่ 2 และให้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยติดเชื้อหรือหายป่วยโควิด-19 คณะกรรมการเห็นตรงกันว่า หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือ ฉีดวัคซีนยังไม่ครบ และได้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่เข็ม 2 ยังไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนการติดเชื้อ สามารถฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ หลังจากตรวจพบเชื้อ หรือหายป่วยแล้ว 1-3 เดือน

 

สำหรับความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนของไทย นพ.โสภณ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคม จะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น ซิโนแวค 12 ล้านโดส ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม เดือนละ 6 ล้านโดส

 

แอสตร้าเซนเนก้า เดือนกันยายน ตอนแรกจะเข้ามาอย่างน้อย 7 ล้านโดส แต่บริษัทผู้ผลิต แจ้งว่า อาจเพิ่มจำนวนส่งมอบเป็น 8 ล้านโดส เดือนตุลาคม 10 ล้านคน เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เดือนละ 10 ล้านโดส

 

และ วัคซีนไฟเซอร์ เดือนกันยายน 2 ล้านโดส เดือนตุลาคม 8 ล้านโดส เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เดือนละ 10 ล้านโดส

 

นพโสภณ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะไม่มีการสั่งซื้อวัคซีน “ซิโนแวค” เข้ามาเพิ่มเติมอีก เพื่อให้สอดคล้องกับสูตรฉีดวัคซีนเข็ม 1 แอสตร้าเซนเนก้า เข็ม 2 ไฟเซอร์ ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคม ไปจนถึงสิ้นปีนี้

 

“เหตุผลที่ไม่สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม เพราะรอวัคซีนรุ่นใหม่ที่สามารถต้านเชื้อกลายพันธุ์ เป็นวัคซีนเชื้อตาย ปลอดภัยสูง แต่หากมีผลวิจัยว่า ฉีดในเด็กได้ จะนำมาพิจารณาสั่งซื้อ” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ

 

ส่วนกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง นพ.โสภณ อธิบายว่า ขณะนี้เป็นข้อควรระวัง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลวิชาการทั้งไทย และต่างประเทศไทย แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าติดตามต่อไป แต่ยอมรับว่า การฉีดวัคซีนอาจมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน หากฉีดกระตุ้นมากเกินไป