สธ.มั่นใจสิ้นปีไทยฉีดวัคซีนโควิดครอบคลุมร้อยละ 70

28 ส.ค. 2564 | 13:23 น.

สธ.มั่นใจ ภายในสิ้นปีนี้ไทยฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 พร้อมเผยยอดฉีดวัคซีนและแผนการจัดหาวัคซีนโควิด

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด 19 ของไทยขณะนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ในวันนี้(28 สิงหาคม 2564) มีผู้ติดเชื้อ 17,984 ราย หายป่วย 20,534 ราย เสียชีวิต 292 ราย แม้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีผู้ป่วยที่รักษาหายมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

 

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ฉีดวัคซีนสะสม 30,420,507  โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 22,617,701 โดส คิดเป็นร้อยละ 31.4 ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 7,221,368 โดส เข็มที่ 3 จำนวน 581,438 โดส

โดยกระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนรวมแล้ว 124 ล้านโดส ได้แก่ ซิโนแวค 31.5 ล้านโดส ,แอสตราเซนเนก้า 61 ล้านโดส จะส่งมอบเดือนตุลาคม - ธันวาคม เดือนละ 10-13 ล้านโดส และไฟเซอร์อีก 31.5 ล้านโดส จะเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ประมาณ 2 ล้านโดส และทยอยส่งมอบจนครบภายในสิ้นปี 2564

 

นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่นำเข้าโดยหน่วยงานอื่น ได้แก่ วัคซีนซิโนฟาร์ม โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 11 ล้านโดส และวัคซีนโมเดอร์นา ของโรงพยาบาลเอกชนที่นำเข้าผ่านองค์การเภสัชกรรม ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาในไตรมาส 4 ปีนี้ 

 

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ไทยฉีดวัคซีนได้ถึง 915,738 โดส ดังนั้นจึงเชื่อว่าสิ้นปีนี้ จะสามารถฉีดได้ครอบคลุมประชาชนมากกว่า ร้อยละ 70 ตามเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยหลังจากฉีดกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และ หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปครอบคลุมแล้ว จะขยายไปยังกลุ่มประชาชนทั่วไป และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งมีข้อมูลว่าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ปลอดภัย
 

สำหรับแนวทางในการควบคุมโรคจะเน้นลดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต มีการผ่อนคลายเป็นลำดับขั้นให้ประชาชนใช้ชีวิตแนวใหม่ได้อย่างปลอดภัย โดยพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ความครอบคลุมของการให้วัคซีน และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันในระดับองค์กร/หน่วยงาน เช่น การทำ Bubble and Seal ในโรงงาน มีการตรวจคัดกรองพนักงานด้วย ATK เป็นประจำ 

 

รวมถึงมาตรการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น (Universal Prevention) หรือการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด คือ คิดเสมอว่าทุกคนอาจติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และไม่มีอาการ จึงต้องป้องกันตัวเองกับทุกคนตลอดเวลา โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้ ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น ,เว้นระยะห่างจากคนอื่น ,

 

สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ,ล้างมือบ่อย ๆ ,หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส หน้ากากอนามัย , เลี่ยงการออกนอกบ้านเว้นแต่จำเป็น , ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ , แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด , เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ และหากสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรรับการตรวจด้วย ATK  

 

ทั้งนี้ หากสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ร่วมกับการที่ประชาชนอดทนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและประชาชนจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติตามวิถีใหม่ได้อย่างปลอดภัย