ATK รัฐไม่คิดที่จะปกป้องผลประโยชน์ประชาชน

01 ก.ย. 2564 | 04:46 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม

*** สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ปลายสัปดาห์ต่อเนื่องต้นสัปดาห์ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวเลขติดเชื้อรายวันแนวโน้มลดลงทรงตัวดี เมื่อเทียบกับก่อนหน้าหรือ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ที่ตัวเลขพุ่งสูงเกิน 2 หมื่นรายต่อวัน แต่ช่วงนี้ลงมาที่ 1.5 -1.7 หมื่นรายต่อวัน ไม่แน่ใจว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตัวเลขจะโผล่ขึ้นไปสูงอีกหรือไม่ หรือ แนวโน้มเป็นขาลงแล้ว ยังมองสถานการณ์ข้างหน้าไม่ออกจริงๆ ถ้าฟังบรรดาอาจารย์หมอทั้งหลายท่านก็ว่ายังไม่พีคเลย จะพีคก็ต้นก.ย.มิใช่หรือ
 

*** แต่ที่เห็นรัฐบาลเริ่มผ่อน “คลายล็อกดาวน์” ลงมาเล็กน้อย ใน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ให้เข้าร้านอาหารห้องแอร์ได้ 50 % ของที่นั่ง ที่โล่งให้ได้ 75 % ของที่นั่ง ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเปิดได้ ส่วนร้านอื่นในห้างยังไม่เปิด ก็แสดงให้เห็นว่ายังคุมอยู่เข้ม เคอร์ฟิวก็ยังเวลาเดิม จัดกิจกรรม รวมตัวได้ไม่เกิน 25 คน เป็นการแง้มๆ เล็กน้อยสำหรับกิจกรรมต่างๆ แคมป์คนงานก่อสร้างยังไม่เปิด ก็ยังค้างๆ คาๆ อยู่ในสถานการณ์หนัก ยังสนับสนุน เวิร์คฟอร์มโฮมWFH อยู่ แต่ที่ผ่านมา WFH ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล วัดจากจำนวนรถบนนท้องถนนเริ่มหันมาติดหนึบในช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น

*** ปาหี่หรือของจริง ความหวังหรือหมดหวัง ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในห้วงสัปดาห์นี้ ต้องจับตาดู เงี่ยหูฟัง ว่ากันตามหลักการ การยื่นตรวจสอบควบคุมการทำงานของฝ่ายบริหาร การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญสุด ถ้ามีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งคอยตรวจสอบ รัฐบาลจะทำงานโดยไม่หลงระเริงและระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาในจังหวะการก้าวเดินแต่ละก้าว แต่ดูจากฝ่ายค้านชุดนี้ดูทีท่า ฝากฝีฝากไข้คงไม่ได้ มิได้ปรามาสแต่ดูหน่วยก้านลีลา ยากที่จะทำอะไรรัฐบาลได้จริงๆ ทั้งที่ว่าไปแล้ว รัฐบาลนี้หาที่ทำอะไรถูกใจประชาชนแทบไม่ได้เลย ลองไล่นึกย้อนไปดูว่ามีอะไรบ้าง ที่คิดว่าทำแล้วใช่ อะไรที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงว่ามา
 

*** อย่างการบริหารจัดการโควิด-19 โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 หรือ ศบค.และทีมงานสาธารณสุข โดย อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สธ.ยังหย่อนๆ ประสิทธิภาพหลายเรื่อง อย่างชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง ATK ก็เถียงไปเถียงมา แถมมีกลับข้อสั่งการนายกฯ ในครม. ลองเหลียวไปดูเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ประกาศเลยส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้านประชาชนเรียบร้อย 
 

ส่วนใครจะซื้อหามาใช้เองก็ได้ตามร้านขายยาทั่วไปมีขาย อันนี้ก็สะท้อนการบริหาร แล้วยังมีเรื่องวัคซีน การจัดหาวัคซีนที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน ในการจัดช่องทางเพิ่มวัคซีนทางเลือกให้ประชาชน มีข่าวดีเพียงเล็กน้อย เมื่อนายกฯ ผ่าทางตันเองด้วยการเจรจากับ AZ ล่วงหน้าจ่ายเงินมัดจำจองเพื่อซื้อปี 65 แต่มีเงื่อนไขให้บริษัท AZ ส่งวัคซีนให้ครบ 41 ล้านโดสในปี 2564 จะหามาจากที่ไหนก็ได้เท่านั้นเอง

*** ว่าด้วยเรื่อง ATK ก็ได้รับคำชี้แจงมาจาก วัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ว่าต้นทุนและราคาจำหน่าย ATK ที่ผู้ประกอบการแจ้งไปยังกรมการค้าภายในนั้น ยังไม่สะเด็ดน้ำ ไม่ได้เป็นการหารือร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด ขณะนี้ อนุกรรมการพิจารณาการจำหน่ายชุดตรวจ ATK ที่เป็นธรรมยังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาก่อนกำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไป ...
 

ฟังคำชี้แจงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ พูดง่ายๆ ว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ติดตามสถานการณ์เฉยๆ อาจจะยังไม่คิดที่จะปกป้องผลประโยชน์ประชาชนด้วยซ้ำ ชี้แจงมาอย่างนี้ฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ใครจะซื้อหาชุดตรวจ ATK มาใช้เอง ตัวใครตัวมัน กรมการค้าภายในไม่ยุ่ง ซึ่งกรณีนี้แตกต่างสิ้นเชิงจาก ยาฟ้าทะลายโจร ผลิตโดยคนไทย อันนี้ไล่จับไล่ฉะกันนัว ทั้งขายเกินราคาฟันกำไรเกินควร แหม่พอเป็นอะไรที่ไทยทำ ไทยขาย หลวงท่านก็เล่นซะงอมพระราม แอคชั่นเรื่องชุดตรวจ ATK กับยาฟ้าทะลายโจร นี่สะท้อนให้เห็นจริงๆ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่กรรมตกกับประชาชน
 

***ขอแสดงความยินดีกับ “หมอทัวร์” รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา และ อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคทางการหายใจและภาวะวิกฤตทางการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับการสรรหาเป็น คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปเรียบร้อยแล้ว จะมีผล 1 ตุลาคม 2564 นี้ และโดยตำแหน่งเท่ากับเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยด้วย แว่วว่างานนี้อีกคนที่ปลื้มสุดๆ คงหนีไม่พ้น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แฝดน้อง เพราะอยู่ดีๆ อาจได้รับบทบาทใหม่ไปพร้อมกันจะเจอคนทักผิดตัวมากขึ้นอีก กลุ่มเพื่อนหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูงด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (บสส.) รุ่นที่ 7 ทุกคนฝากแสดงความยินดีและการันตีว่า รศ.นพ.ฉันชาย ล้วนมีความเหมาะสมทุกประการทั้ง คุณภาพวิชาการ ประสบการณ์ วุฒิภาวะ อุดมการณ์พร้อมทั้งชาติวุฒิ คุณวุฒิ เกียรติวุฒิ และสำคัญสุดมีคุณธรรม คณบดีที่แข็งแกร่งที่สุดจะนำพาคณะแพทยศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
 

*** สายธารน้ำใจเหล่าบริษัทเอกชนยังคงเดินหน้าต่อเนื่องล่าสุด โออาร์ ร่วมกับโครงการ Primary Care Hub – “ComCOVID-19 - FM CoCare” จัดตั้งจุดกระจายยาใน พีทีที สเตชั่น 17 แห่งทั่ว กทม. และสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงมูลค่า 270,000 บาท สำหรับอาสาสมัครที่นำยาไปส่งให้ผู้ป่วยถึงบ้าน ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ส่งกำลังใจ..สู้ไปด้วยกัน ซึ่ง โออาร์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหลากหลายรูปแบบ