Pfizer วัคซีนตัวแรกของสหรัฐฯได้รับอนุมัติเต็มรูปแบบ อย.ไทยพร้อมเปิดทาง

25 ส.ค. 2564 | 04:11 น.

หมอเฉลิมชัยเผย Pfizer เป็นวัคซีนตัวแรกของสหรัฐอเมริหาที่ได้รับอนุมัติเต็มรูปแบบ ด้าน อย. ไทยพร้อมพิจารณาอนุมัติเต็มรูปแบบเช่นเดียวกัน

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า  
วัคซีน Pfizer ได้รับการอนุมัติเต็มรูปแบบ เป็นวัคซีนตัวแรกของสหรัฐอเมริกา ทำให้คนสหรัฐฯนับล้านคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน หันมาสนใจที่จะฉีดวัคซีนโควิดเพิ่มขึ้น
จากการที่วัคซีนโควิดของบริษัท Pfizer ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA ได้ทำการวิจัยพัฒนา จนสามารถยื่นขออนุมัติใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (EUA) จากอย.สหรัฐฯ (USFDA)ได้เมื่อเดือนธันวาคม 2563 สำหรับฉีดในคนอายุ 16 ปีขึ้นไป และได้รับอนุมัติให้ฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 สำหรับเด็กอายุที่มากกว่า 12 ปีขึ้นไปนั้น
สหรัฐอเมริกายังมีพลเมืองอีกจำนวนมาก ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด แม้จะเป็นวัคซีนเทคโนโลยีของ Pfizer ก็ตาม โดยมีมากถึง 31% ของคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน บอกว่าจะตัดสินใจฉีดวัคซีน ต่อเมื่อวัคซีนของบริษัทนั้นได้รับการอนุมัติแบบเต็มรูปแบบปกติ(Full Approval) ไม่ใช่แบบในสถานการณ์ฉุกเฉิน ( Emergency Use Authorization)

ประธานาธิบดี Biden และผู้บริหารของประเทศ จึงสนับสนุนและรอคอยให้ USFDA อนุมัติเต็มรูปแบบให้กับวัคซีนป้องกันโควิด โดยเฉพาะของ Pfizer เพื่อหวังว่า จะกระตุ้นให้คนยอมมาฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ในสหรัฐอเมริกา มีไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธุ์หลัก จึงทำให้มีการติดเชื้อ เจ็บป่วยแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีไม่มากพอที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดยมีตัวเลขว่า คนอเมริกัน 60.2% ได้ฉีดวัคซีนหนึ่งเข็ม และมีเพียง 51.5% ที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว และจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก

Pfizer ได้รับการอนุมัติเต็มรูปแบบเป็นวัคซีนตัวแรกของสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากกลุ่มที่พร้อมฉีดวัคซีนได้ฉีดไปหมดแล้ว ส่วนกลุ่มที่เหลือ ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลต่างๆกัน และด้วยรายงานว่ามีถึง 31% ที่พร้อมจะมาฉีดวัคซีน ถ้าได้รับการอนุมัติแบบเต็มรูปแบบ จึงนับเป็นข่าวดีมากของทางการสหรัฐฯ
ที่วันนี้ USFDA ได้อนุมัติเต็มรูปแบบให้ Pfizer เป็นวัคซีนที่สามารถฉีดได้ในคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ส่วน 12 ปีขึ้นไปยังถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน
วงการแพทย์ของสหรัฐฯยังไม่แนะนำให้ฉีดในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี คงต้องรองานวิจัยต่อไป

กองทัพสหรัฐซึ่งมีกำลังพลกว่า 1.3 ล้านคน และบางเมือง เช่น นิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประกาศนโยบายที่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพราะได้รับการอนุมัติเต็มรูปแบบแล้ว ถ้าไม่ยอมฉีดวัคซีนก็จะต้องถูกทดสอบหาเชื้อไวรัสแบบสม่ำเสมอเพื่อมาทำงาน
ข่าวการที่วัคซีน Pfizer ได้รับการอนุมัติให้ใช้แบบเต็มรูปแบบปกติ ส่งผลให้หุ้นของบริษัท Pfizer เพิ่มขึ้น 2.5% และหุ้นของบริษัท BioNTech เพิ่มขึ้นมากถึง 9.5%
สำหรับในประเทศไทย ได้มีการแถลงข่าวเบื้องต้นว่า ถ้าวัคซีนของ Pfizer เข้ามายื่นข้อมูลเพิ่มเติมของการได้รับการอนุมัติเต็มรูปแบบเช่นเดียวกันที่ยื่นเพิ่มเติมให้กับ USFDA ทาง อย.ไทยจะใช้เวลาพิจารณาไม่น่าจะเกิน 30 วัน และถ้าอนุมัติให้จดทะเบียนเต็มรูปแบบแล้ว ก็จะทำให้สามารถมีการซื้อหาหรือนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์แบบปกติ เช่นเดียวกับวัคซีนอื่นทั่วไป เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลการรายงานจากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- ส.ค.64 พบว่า มีการฉีดสะสมแล้วจำนวน 27,612,445 โดส แบ่งเป็น ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 20,830,673 ราย ฉีดครบ 2 เข็มจำนวน 6,230,511 ราย และฉีดเข็มที่ 3 จำนวน 551,261 ราย