จากสภาพตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน ค่ายจีน ฉางอาน ยังสามารถทำยอดขายไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.68) ได้ 2,238 คัน เพิ่มขึ้น 157% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ตลาดรถยนต์รวมหดตัว 6.5%(ยอดขาย 1.53 แสนคัน)
ฉางอาน ทำตลาดในไทยผ่านแบรนด์ Deepal Lumin และ Avatr โดยที่ผ่านมานำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า EV ทุกรุ่นมาจากจีน รับสิทธิ์ FTA จีน-อาเซียน ไม่เสียภาษีนำเข้า และเข้าโครงการ EV 3.5 ของภาครัฐ รับเงินสนับสนุน และภาษีสรรพสามิตอัตราพิเศษ 2% (ภายใต้สเปกรถและราคาที่กำหนด)
อย่างไรก็ตาม รถประเภทนี้ยังต้องเสียภาษีนำเข้า 50% และมาโดนภาษีสรรพสามิตอีก 6% แต่ฉางอานยังกดราคาขายไว้ที่ 1,099,000 บาท โดยรถจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนรถยนต์ที่หวังยอดขายอย่างเอสยูวี Deepal S05 เปิดตัวในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2025 มีให้เลือกทั้งรุ่น EV ราคา 799,000 - 899,000 บาท และ REEV ราคา 949,000 บาท และ 999,000 บาท จะเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ หลังจากขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงาน จ.ระยอง
สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของฉางอาน ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จ.ระยอง เริ่มผลิตรถยนต์รุ่นแรกคือ Deepal S05 ถือเป็นโรงงานผลิตรถพลังงานใหม่แห่งแรกนอกประเทศจีนของฉางอาน ขณะเดียวกันในวันทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ (16 พ.ค.) ยังสรรหาเรื่องราว วาระเด่นมาให้โรงงานเมืองไทยว่า ได้เป็นผู้ผลิตรถยนต์คันที่ 28.5 ล้านของฉางอาน อีกด้วย
ทั้งนี้ ฉางอาน วางแผนให้โรงงานในไทย ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง EV REEV และ PHEV รถปลั๊ก-อินไฮบริด วางกำลังผลิตเฟสแรกไว้ 100,000 คันต่อปี
นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานฉางอาน ประเทศไทย จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของฉางอานทั่วโลก วางแผนส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ รวมถึงสหราชอาณาจักร
ตามแผน VAST OCEAN ตั้งแต่ปี 2023 เพื่อเข้าสู่ตลาดอาเซียน ฉางอานยกให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนบริษัทในเครือ 3 แห่ง พร้อมการลงทุนเริ่มต้นกว่า 10,000 ล้านบาท และภายในปี 2030 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่มากกว่า 15 รุ่น
“เรามุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และคู่ค้าชาวไทย เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศไทย ด้วยการผลักดันการจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศสำหรับรถรุ่นแรกที่ผลิตในไทยมากถึง 60% รวมถึงการจ้างงานโดยเฉพาะพนักงานไทยที่จะร่วมเป็นทีมผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับมากกว่า 80% โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 90% ของพนักงานทั้งหมด ภายในปี 2026”