เทสลายุบแผนก “ซูเปอร์ชาร์จเจอร์” ปลดผู้บริหาร-ลอยแพอีกนับร้อย

01 พ.ค. 2567 | 03:29 น.

เทสลา (Tesla) ยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กร โดยล่าสุด นายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเทสลา สั่งปลดพนักงานในแผนกที่ดูแลธุรกิจซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (ตู้ชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงสำหรับรถอีวี) ออกทั้งแผนก รวมทั้งสองผู้บริหาร และเตรียมปลดพนักงานอีกหลายร้อยอัตรา

นอกจากการยุบ แผนกซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (Supercharger) แล้ว เทสลา ยังประกาศยุบแผนกนโยบายสาธารณะ (public policy unit) โดยในหนังสือเวียนบันทึกช่วยจำของบริษัทที่ออกเมื่อวันจันทร์ (29 เม.ย.) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ตัดสินใจยุบสองแผนกดังกล่าว และปลดสองผู้บริหารคือนางรีเบคกา ทีนุชชี หัวหน้าแผนกซูเปอร์ชาร์จเจอร์ และนายแดเนียล โฮ หัวหน้าแผนกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งทั้งสองคนถูกให้ออกพร้อมทีมงานทั้งแผนก ซึ่งเฉพาะในส่วนของแผนกซูเปอร์ชาร์จเจอร์นั้น ก็มีจำนวนพนักงานราว 500 คนแล้ว ส่วนการยุบแผนกนโยบายสาธารณะนั้น เปิดขึ้นหลังจากที่นายโรฮัน พาเทล หัวหน้าแผนก ลาออกไปเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา

การปลดพนักงานและยุบแผนกธุรกิจของเทสลาครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางการปรับโครงสร้างองค์กรของเทสลาเองขณะที่ปัจจัยภายนอกคือภาวะตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมที่ยอดขายลดลงอย่างมาก

“ผมหวังว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้สร้างความกระจ่างชัดแล้วว่า เราจำเป็นต้องจริงจังอย่างยิ่งเกี่ยวกับจำนวนพนักงานและการลดต้นทุน” มัสก์ระบุในบันทึกช่วยจำ “ในขณะที่ผู้บริหารบางคนกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำเช่นนั้น”

นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา

นายมัสก์กล่าวด้วยว่า ผู้บริหารระดับผู้จัดการที่มีลูกน้องในสายงานมากกว่า 3 คน หากไม่ผ่านการทดสอบด้านประสิทธิภาพงานในระดับเยี่ยมยอด ความจำเป็น และความน่าเชื่อถือ ก็ควรพิจารณาตัวเองลาออกไปซะ

ทั้งนี้ ระบบชาร์จไฟความเร็วสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เรียกว่า “ระบบซูเปอร์ชาร์จเจอร์” ของเทสลานั้น ถือว่าเป็นเครือข่ายตู้ชาร์จไฟรถอีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนตู้ชาร์จมากที่สุด และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทเทสลา สามารถครองความเป็นผู้นำในตลาดเหนือคู่แข่งมาเป็นระยะเวลายาวนาน

แม้ว่าเทสลาจะยุบแผนกธุรกิจที่ดูซูเปอร์ชาร์จเจอร์ไปแล้ว แต่เครือข่ายตู้ชาร์จไฟทั้งหมดที่มีอยู่ก็ยังคงจะดำเนินการให้บริการต่อไป ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจดังกล่าวว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า เทสลามีเครือข่ายตู้ชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงติดตั้งอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลกจำนวนรวมประมาณ 50,000 ตู้ในปัจจุบัน ในจำนวนนี้ราว 15,000 แห่งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ

เทสลามีเครือข่ายตู้ชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูงติดตั้งอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลกจำนวนประมาณ 50,000 ตู้

การเลิกจ้างครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เทสลาได้ประกาศเอาไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า บริษัทจะลดจำนวนพนักงานลงมากกว่า 10% ของที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน หรือมากกว่า 14,000 อัตรา เพื่อที่เทสลาจะเป็นองค์กรที่คนน้อยแต่เปี่ยมประสิทธิภาพ มีนวัตกรรมโดดเด่น และ “หิวกระหาย” เสมอ

ความจำเป็นต้องปรับปรุงองค์กรอย่างเร่งด่วนนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทมีผลประกอบการไม่ดีนักในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยรายได้บริษัทลดลงเกือบ 10% ในไตรมาสแรก ถือเป็นการลดลงครั้งแรก (รายไตรมาส) นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ขณะที่ราคาหุ้นเทสลาลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง จากจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564 ลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 410 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปัจจุบัน

มัสก์ระบุว่า สถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทางบริษัทก็จะดำเนินการก่อสร้างต่อไปให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ ยังจะมีการสร้างสถานีใหม่ๆอีกบางแห่งด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ เทสลาเพิ่งจะลงนามในสัญญากับคู่แข่งหลายราย รวมถึงฟอร์ด เจเนอรัลมอเตอร์ส์ และริเวียน เพื่อใช้มาตรฐานการชาร์จ NACS ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ สามารถเข้ามาใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าของเทสลาที่มีจำนวนมากกว่าของรายอื่นๆ และนั่นก็จะทำให้เทสลามีรายได้มากขึ้นด้วย และในขณะเดียวกันก็เป็นการยกระดับมาตรฐานระบบชาร์จไฟของเทสลาให้กลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมไปโดยปริยาย

 

ข้อมูลอ้างอิง