รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

19 พ.ย. 2564 | 06:15 น.

รีวิว Haval Jolion ดีไหม กับรุ่นไฮบริด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กินน้ำมันแค่ไหน ทำความรู้จักก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คาดราคา Haval Jolion เริ่มต้นกว่า 8 แสนบาท

Haval Jolion คือ รถยนต์ลำดับที่สามของเกรท วอลล์ มอเตอร์ และเป็น Haval รุ่นที่สองที่ทำตลาดในไทยต่อจาก Haval H6 โดยแบ่งการทำตลาดเป็น 3 รุ่นย่อย คือ Tech,Pro และ Ultra คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงกว่า 8 แสนบาทไปจนถึงตัวท็อปประมาณ 1 ล้านบาท

 

การพัฒนาบนพื้นฐาน Lemon Platform (เป็นโมดูลาแพลตฟอร์ม ที่มีความยืดหยุ่นในการทำมาพัฒนารถได้หลายโมเดล) Haval Jolion วางตัวเองอยู่ในกลุ่มบี-เอสยูวี แต่ขนาดตัวถังใหญ่กว่าคู่แข่ง ทั้ง Toyota Corolla Cross Honda HR-V Mazda CX-30 และ MG ZS

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

มิติตัวถัง Haval Jolion

  • ยาว 4,472 มม.
  • กว้าง 1,841 มม.
  • สูง 1,619 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,700 มม.

 

สำหรับเราชาวไทยจะเป็นประเทศแรกที่ได้ใช้ Haval Jolion ขุมพลังไฮบริดครับ ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อนเดียวกับ Haval H6 Hybrid เพียงแต่ปรับจูนกำลังลง โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5  ลิตร ไดเรกอินเจกชัน ไม่มีเทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร

 

ก่อนจะ รีวิว Haval Jolion ผมเห็นอัตราบริโภคน้ำมันตามอีโคสติ๊กเกอร์ ในโหมดเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8 กม./ลิตร และโหมดในเมือง 83.33 กม./ลิตร (พิมพ์ไม่ผิดจริงๆ) และโหมดนอกเมือง 16.66 กม./ลิตร ขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 1.69 กิโลวัตต์ชั่วโมง(เท่ากับ Haval H6) วางอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง แทนยางอะไหล่

สมรรถนะการขับขี่ต้องบอกว่าแตกต่างจาก Haval H6 พอสมควร โดยเฉพาะช่วงล่างจะหนึบแข็งกว่า หรือผมได้ถามวิศวกรชาวจีน เขาก็ยอมรับว่าเซ็ตช่วงล่างHaval Jolionให้สปอร์ตกว่ารุ่นที่ขายในเมืองจีน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องระบบขับเคลื่อน(จีนใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ยังไม่มีไฮบริด) และการวางเลย์เอ้าต์ต่างๆ ตลอดจนน้ำหนักรวมของรถที่ 1,590 กิโลกรัม (Gross Weight) ที่ทำให้การเซ็ตระบบกันสะเทือนนั้นต่างออกไปครับ

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

Haval Jolion รุ่นท็อป Ultra มากับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง Goodyear Assurance 225/55 R18 (อีก 2 รุ่นย่อยใช้ล้อ 17 นิ้ว) ถือเป็นอัตราทดสุดท้ายของรถ โดยรับกับช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบคานทอร์ชันบีม ส่วนระยะต่ำสุดจากพื้น 168 มม.(พอๆ กับบี-เอสยูวีหลายรุ่น)

 

ในส่วนช่วงล่างกับการควบคุม ผมว่า Haval Jolion ตอบสนองได้เนียนแน่นกว่ารุ่นพี่ Haval H6 เล็กน้อย ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ หวังจับกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยกว่าอยู่แล้วละครับ (Haval H6 เน้นเป็นรถครอบครัว) ขณะที่การควบคุมผ่านพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ยังสามารถปรับน้ำหนักหรือความหน่วงได้ 3 ระดับ คือ เบา สบาย สปอร์ต เหมือนเดิม(ทุกรุ่น)

 

แต่จุดที่ผมไม่ชอบยังเป็นสัมผัสของการกดแป้นเบรก เพราะจังหวะเบรกทั่วๆ ไป จะรู้สึกแข็งต้านเท้า แต่เมื่อเพิ่มน้ำหนักลงไปหวังลดระยะชะลอหยุด กลับพบอาการหน้าทิ่มหัวจิก (ในโหมดเบรกรีเจเนอเรทีฟระดับต่ำ และมาตรฐาน) ซึ่งความสมดุลตรงนี้ยังต้องปรับปรุง

 

 

รถไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นนี้ ตัดต่อพละกำลังระหว่างเครื่องยนต์ กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น และการทำงานมีทั้ง ไฮบริดแบบซีรีย์(เครื่องยนต์ปั่นไฟฟ้า ใช้เพียงมอเตอร์ขับเคลื่อน) ไฮบริดพาราเรล (เครื่องยนต์  และ มอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยขับพร้อมกัน) รวมถึงโหมด EV ที่เครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลย(มีโอกาสน้อยและขึ้นอยู่กับน้ำหนักการเดินคันเร่งและตัวแปรต่างๆ)

 

Haval Jolion อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 9.0 วินาที แต่การขับจริงๆ อารมณ์ไม่ถึงกับจัดจ้านมากนัก และอาจจะขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานในแบตเตอรี่

 

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นระดับ Best in Class ของ Haval Jolion ต้องยกให้เรื่องของการออกแบบภายในห้องโดยสาร วัสดุดูพรีเมี่ยมในทุกการแต้มแต่ง พร้อมงานประกอบคุณภาพเยี่ยม และมาพร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยมากที่สุดในบรรดาบี-เอสยูวีที่ขายอยู่ในท้องตลาด เช่นเดียวกับการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้ดี

 

สุดท้าย อัตราบริโภคน้ำมันจากการทอดสอบขับจากสระบุรี กลับเข้ากรุงเทพ มีทั้งรถติดหนัก การจราจรหนาแน่น และใช้ความเร็วสูง Haval Jolion กินน้ำมันประมาณ 14-15 กม./ลิตร (หน้าจอจะแสดงผลเป็น ลิตร/100 กม.)

 

รวบรัดตัดความ...เกรท วอลล์ มอเตอร์ ย้ำว่า Haval H6 เป็นรถรุ่นแรกที่จะเข้ามาสร้างแบรนด์ ตามด้วย Ora Good Cat ที่เป็นเกมเชนจ์ แสดงความมุ่งมั่นในการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ส่วน Haval Jolion จะเป็นตัวขาย เน้นการสร้างยอดขายให้ได้มากๆ ดังนั้นผมเชื่อว่าราคา Haval Jolion ที่จะแจ้งในวันที่ 25 พฤศจิกายน นี้ ต้องแข่งขันได้ หรือไม่สูงกว่าคู่แข่งญี่ปุ่น(ไฮบริด)แน่นอน

 

เรื่อง รีวิว Haval Jolion ดีไหม โดย กรกิต กสิคุณ 

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

ข้อมูลอื่นๆ เสริมจาก รีวิว Haval Jolion

 

  • รุ่น TECH ภายในสีดำ (เบาะผ้า)
  • รุ่น PRO ภายในสีดำ (เบาะหนังสังเคราะห์)
  • รุ่น ULTRA ภายใน สีดำ / เทา (เบาะหนังสังเคราะห์)

 

สีรถภายนอกของรถทั้ง 3 รุ่น มีดังนี้ แดง (Burgundy Red) น้ำเงิน (Swarovski Blue) เทา (Ayers Gray) ดำ (Sun Black) และขาว (Hamilton White)

 

เทคโนโลยีเพื่อรักษาความปลอดภัยในการขับขี่

 

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนดไว้โดยจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
  • การเข้าโค้งอัจฉริยะ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว ที่มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศาจากมุมบน  เพื่อช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนน ทั้งทางตรงและทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก และยังมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์ด้านหน้าและหลัง เพื่อพิจารณาระยะทาง ทิศทาง และความเร็วสัมพัทธ์ของรถคันอื่น (**ลูกค้าไม่เหยียบเบรคและไม่หักพวงมาลัย)
  • ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง โดยส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง และหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาวหรือสูง​ ในระหว่างการขับผ่านทางด้านซ้ายหรือด้านขวา ระบบจะเบี่ยงเพื่อเพิ่มระยะห่างตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่กึ่งกลางของเลนเดิมอัตโนมัติ (** ทำงานร่วมกับ Lane Center Keeping)

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

รีวิว Haval Jolion ดีไหม เครื่องไฮบริดกินน้ำมันแค่ไหน

  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อกโดยอัตโนมัติ และรถยนต์จะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน (ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน (ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน (ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว หรือเปิดไฟเลี้ยวและทำการเปลี่ยนเลนทันที โดยมีความเสี่ยงต่อการชนกับรถยนต์ที่ตามมาด้านหลัง ระบบจะทำการแจ้งเตือนและแทรกแซงการปรับพวงมาลัยแบบฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือการเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยแจ้งเตือนขณะที่มีรถอยู่ในมุมอับสายตา โดยจะมีไฟเตือนที่กระจกมองหลังด้านนอกในด้านที่ตรวจพบ
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
  • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
  • ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อเนื่องมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที

สั่งซื้อ ตรวจสอบ ราคา Haval Jolion